Hightlight
- บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) โกลเบล็ก ประเมินนักลงทุนโยกเงินเข้าไปลงทุนในสินทรัพย์ที่ปลอดภัยมากขึ้น โดยเฉพาะทองคำ
- ลุ้นราคาปรับตัวไปทดสอบแนวต้าน 1,325 ดอลลาร์ต่อออนซ์
- แนะนำกลยุทธ์การลงทุนหุ้นที่ได้ประโยชน์หลังเลือกตั้งกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม-รับเหมา-ค้าปลีก-ท่องเที่ยว-โรงพยาบาล
น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS กล่าวว่า ภาพรวมการลงทุนในตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้หากตัดปัจจัยความไม่แน่นอนในการจัดตั้งรัฐบาล เชื่อว่ารัฐบาลผสมที่จัดตั้งขึ้นใหม่จะเดินหน้าต่อแผนการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ด้านโครงการพื้นฐาน และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และมีลุ้นการทำ Window Dressing ก่อนปิดงวดไตรมาสแรกของปี 2562 โดยมีปัจจัยหนุนที่เป็นปัจจัยภายนอกได้แก่การที่ธนาคารกลางสหรัฐส่งสัญญาณไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในปีนี้
ส่วนปัจจัยกดดันตลาดหุ้นในช่วงนี้ มองว่าเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มชะลอตัวหลังจากอียู และสหรัฐฯรายงานตัวเลขดัชนี PMI รวมภาคการผลิตและภาคบริการปรับลดลงจากเดือนก่อนหน้า และตลาดพันธบัตรสหรัฐกำลังส่งสัญญาณถึงภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่อาจเกิดขึ้นในปีหน้า โดยเป็นครั้งแรกในรอบ 12 ปีที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้นอายุ 3 เดือนดีดตัวขึ้นเหนืออัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวอายุ 10 ปี และนักลงทุนต่างชาติมีสถานะขายสุทธิ YTD 1.1 หมื่นล้านบาท
นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์โกลเบล็ก จำกัด กล่าวว่า ทิศทางตลาดหุ้นไทยมีแนวโน้มผันผวนจากความไม่แน่นอนในช่วงของการจัดตั้งรัฐบาล คาดดัชนี SET จะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 1,615 - 1, 635 จุด (ไม่รวมปัจจัยทางการเมือง)
แนะนำกลยุทธ์การลงทุนหุ้นที่ได้ประโยชน์หลังเลือกตั้ง
- กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม ชู WHA, AMATA
- กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ชู STEC, SEAFCO
- หุ้นกลุ่มค้าปลีก CPALL, BJC และ MAKRO
- หุ้นกลุ่ม Defensive ได้แก่ กลุ่มค้าปลีก แนะนำ HMPRO, CPALL กลุ่มท่องเที่ยว แนะนำ AOT,CENTEL, ERW ซึ่งได้ประโยชน์จาก Free Visa on Arrival กลุ่มโรงพยาบาล แนะนำ BCH
แนวทางการลงทุนในทองคำ
ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า ความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจโลกได้ปรับมุมมองของนักลงทุนเกี่ยวกับแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยว่ามีโอกาสมากขึ้นที่ Fed จะส่งสัญญาณในช่วงต้นปีหน้าว่ากำลังจะกลับทิศทางมาเป็นทยอยปรับลดอัตราดอกเบี้ย ทำให้มีแรงซื้อสะสมทยอยเข้าถือทองคำ หนุนราคาให้แกว่งเข้าหาแนวต้าน 1,325 ดอลลาร์
อย่างไรก็ตาม ความไม่แน่นอนในเรื่อง Brexit และความไม่ลงรอยกับสหรัฐฯในเรื่องนโยบายต่างประเทศ ยังคอยกดดันสกุลเงินยูโร ซึ่งเป็นลบต่อราคาทองคำในรูปสกุลเงินดอลลาร์ให้ค่อย ๆ แกว่งขึ้น แทนที่จะดีดตัวขึ้นไปเพื่อสะท้อนแรงซื้อสินทรัพย์ลดความเสี่ยง อีกทั้งการแข็งขึ้นของค่าเงินบาทที่ตอบรับผลการเลือกตั้ง ยังเป็นลบต่อราคาทองคำภายในประเทศ
แต่ผลสรุปสุดท้ายของการจัดตั้งรัฐบาลจะสร้างแรงกระเพื่อมให้กับค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ จึงเป็นโอกาสให้เข้าเก็งกำไรระยะสั้นแบบ swing trade สำหรับราคาทองคำในรูปสกุลเงินบาท มองกรอบระยะสัปดาห์ระหว่าง 1,305-1,325 ดอลลาร์ และคาดการณ์การเคลื่อนไหวของราคารักษาแนวโน้มการแกว่งขึ้นในกรอบจำกัดแบบค่อยเป็นค่อยไป