หุ้นไทยเขียวสดใส รับผลดี MSCI เพิ่มน้ำหนักการลงทุน

>>

วันนี้ (1 เม.ย. 62) ตลาดหุ้นพุ่งขึ้นทำจุดสูงสุดที่ระดับ 1,651.14 จุด ก่อนจะย่อตัวลงเล็กน้อย และปิดตลาดที่ระดับ 1,644.64 จุด คิดเป็นการเปลี่ยนแปลง 5.99 จุด หรือ 0.37% มีมูลค่าการซื้อขาย 44,506.99 ล้านบาท เนื่องจากได้รับปัจจัยหนุนหลายอย่าง การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีนที่มีพัฒนาเชิงบวกมากขึ้น ราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ปรับตัวขึ้นเหนือ 60 เหรียญต่อบาร์เรล รวมถึงดัชนี MSCI ที่ยอมรับเงื่อนไขของ NVDR ทำให้ไทยจะถูกเพิ่มน้ำหนักการลงทุนใน MSCI EM หลังจากสัปดาห์ที่ผ่านมาตลาดหุ้นค่อนข้างผันผวนจากแรงกดดันทั้งภายในและภายนอกประเทศ   

โดย MSCI ได้เพิ่มน้ำหนักหุ้นไทย จาก 2.5 % เป็น 2.8 % โดยจากการเก็บข้อมูล พบว่า 9 หุ้นหลักที่ MSCI ให้น้ำหนักกับการลงทุนมากที่สุด คือ PTT, CPALL, AOT, SCB, KBANK, ADVANC, SCC, PTTEP, PTTGC

ประกิต สิริวัฒนเกตุ นักวิเคราะห์อิสระ ให้มุมมองกับ Wealthy Thai ว่า ตลาดหุ้นวันนี้บวกเล็กน้อย แม้มองว่าภาพรวมเศรษฐกิจในเดือนเมษายน 2562 อาจลบ โดยได้รับปัจจัยหนุนจากภายนอก ทั้งประเด็นการถอนตัวจากสหภาพยุโรปของอังกฤษ (Brexit)ซึ่งล่าสุดรัฐบาลโหวตคว่ำข้อตกลง อย่างไรก็ตามเมื่อถึงเวลาที่อังกฤษจะต้องถอนตัวออกจากสหภาพยุโรปจริงๆ น่าจะมีข้อตกลงมารองรับแน่นอน แต่ยังไม่สามารถบอกได้ว่าจะเป็นข้อตกลงแบบไหน ต้องรอติดตามท่าที่ของสหภาพยุโรปอีกครั้งในวันที่ 10 เมษายนอีกครั้ง ในส่วนของการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีน ก็เริ่มเห็นความชัดเจนมากขึ้น  โดยตัวเลขเศรษฐกิจ PMI ทั้งของสหรัฐและยุโรปที่จะประกาศอาจเป็นตัวกดดัน ในขณะที่จีนเริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวแล้ว

ส่วนปัจจัยภายในประเทศ มองว่าจะเริ่มเห็นความชัดเจนของการเมืองหลังจากวันที่ 9 พฤษภาคม 2562 เป็นต้นไป และหลังจากสัปดาห์ที่ผ่านมาตลาดหุ้นผันผวนเพราะผลการเลือกตั้งอาจทำให้การจัดตั้งรัฐบาลมีความเสี่ยงที่จะเป็นเสียงข้างน้อยและขาดเสถียรภาพ แต่จากการประเมินในช่วงที่ผ่านมา เริ่มเห็นโอกาสการเลือกรัฐมนตรีและการจัดตั้งรัฐบาลที่มีเสียงข้างมากมากขึ้น ซึ่งตลาดน่าจะตอบรับปัจจัยนี้หลังผ่านพ้นช่วงสงกรานต์ไปแล้ว

สำหรับประเด็นที่ดัชนี MSCI ยอมรับเงื่อนไขของ NVDR ทำให้ไทยจะถูกเพิ่มน้ำหนักการลงทุนใน MSCI EM โดยเรื่องนี้มองว่าน่าจะปรับเพิ่มน้ำหนักการลงทุนจาก 2.5% เป็น 2.8% ซึ่งส่งผลต่อการไหลเข้าของกระแสเงินทุนจากต่างชาติประมาณ 3-4 หมื่นล้านบาท แต่จะไปเห็นผลชัดเจนในช่วงเดอนพฤษภาคม

โดยหุ้นกลุ่มที่จะได้รับประโยชน์ คือ

  • กลุ่มหุ้นที่เข้าคำนวณใหม่ เช่น INTUCH, DTAC และ CENTEL
  • กลุ่มหุ้นที่เพิ่มน้ำหนักการคำนวณ เช่น SCC, BDMS, CPN, LH , CPALL, KBANK, BANPU, PTT, ADVANC, CPF, HMPRO, GULF, TRUE, IRPC


ทั้งนี้มองว่าในเดือนมิถุยายน 2562 ปัจจัยหลายอย่างน่าจะคลี่คลายและช่วยสนับสนุนตลาดหุ้นให้มีทิศทางที่ดีขึ้น และอาจได้เห็นภาพของอีซีบี-บีโอเจ ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ หรือธนาคารกลางสหรัฐประกาศลดดอกเบี้ยนโยบายอีกครั้ง อย่างไรก็ตามในเดือนพฤษาคม 2562 มีปัจจัยที่ต้องติดตามคือ การประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน  แต่โดยรวมมองว่าตลาดหุ้นน่าจะค่อยๆ ขยับขึ้นไปที่ระดับ 1,670-1,680 จุด ส่วนแนวรับคาดว่าคงไม่ต่ำกว่า 1,630 จุดแล้ว