ตลาดหุ้นในช่วงที่ผ่านมาอาจทำให้นักลงทุนใจหายใจคว่ำกันพอสมควร ด้วยปัจจัยทั้งภายในและภายนอกประเทศที่ไม่แน่นอน ทำให้ดัชนีตลาดหุ้นค่อนข้างผันผวน แต่วานนี้ (1 เมษายน 2562) มีข่าวมาให้ใจชื่นกันบ้าง ด้วยการที่ดัชนี MSCI ยอมรับเงื่อนไขของ NDVR ทำให้ไทยจะถูกเพิ่มน้ำหนักการลงทุนใน MSCI Emerging Market (MSCI EM) หรือ ดัชนี MSCI ในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ประเมินว่าจะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ประมาณ 2.8-3% จากเดิมอยู่ที่ 2.5% ส่งผลดีต่อแนวโน้มการไหลเข้าของกระแสเงินทุนจากต่างชาติ (Fund Flow)
ดัชนี MSCI คืออะไร
เชื่อว่าหลายคนต้องเคยได้ยินคำนี้บ่อยๆ และต้องเกิดคำถามในใจว่า ดัชนี MSCI เนี่ย คืออะไร และมีความสำคัญอย่างไร วันนี้ Wealthy Thai จะพาทุกคนไปหาคำตอบกัน !!!
ดัชนี MSCI หรือ MSCI Index เป็นดัชนีอ้างอิง (benchmark) ที่ถูกจัดทำขึ้นโดย Morgan Stanley Capital International เพื่อให้นักลงทุนสถาบันที่ลงทุนในภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลก นำมาใช้เป็นมาตรฐานในการคัดเลือกหุ้นและผลตอบแทนของตนเอง
โดยดัชนี MSCI สามารถแบ่งได้หลายประเภทสินทรัพย์ ได้แก่ ตราสารหนี้ ตลาดเงิน และอสังหาริมทรัพย์ ส่วนในหุ้นจะใช้วิธีแบ่งตามประเทศ เช่น ประเทศอเมริกา ประเทศจีน และประเทศไทย ที่ใช้ชื่อว่า MSCI Thailand Index นอกจากนี้ ยังมีการแบ่งตามภูมิภาคด้วย เช่น โซนอเมริกา ยุโรป และเอเชีย รวมถึงแบ่งตามกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้ว (Developed Markets) และประเทศที่กำลังพัฒนา (Emerging Markets) ซึ่งแต่ละกลุ่มจะมีเกณฑ์การคัดเลือกหุ้นที่แตกต่างกันไป อย่างนั้นลองมาดูของไทยกันดีกว่า ว่าจะมีเกณฑ์การคัดเลือกอย่างไร
เกณฑ์คัดเลือก MSCI Thailand
สำหรับเกณฑ์การคัดเลือกหุ้นที่จะเข้าคำนวณใน MSCI Thailand Index คือ
- ต้องมีสภาพคล่องในการซื้อขายสูง โดยวัดจากสัดส่วนของหุ้นที่นักลงทุนทั่วไปสามารถซื้อขายได้ ไม่รวมผู้ถือหุ้นที่มีส่วนร่วมในการบริหาร (Free Float) เพราะฉะนั้นถ้ามี Free Float มาก เท่ากับว่าหุ้นนั้นมีสภาพคล่องในการซื้อขายสูง
- มีมูลค่าราคาตลาดที่คูณกับ Free Float แล้ว สูงกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำที่กำหนด ซึ่งไทยถูกกำหนดมูลค่าตลาดขั้นต่ำอยู่ที่ 250 ล้านเหรียญ
ภายหลังการคำนวณมูลค่าตามราคาตลาดแล้วพบว่าสูงกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำ หุ้นดังกล่าวจะถูกนำมาจัดลำดับตามขนาดและสภาพคล่องในแต่ละอุตสาหกรรม
ดังนั้นเมื่อหุ้นตัวไหนถูกคัดเลือกเข้าในดัชนี MCSI จึงมักเป็นหุ้นกลุ่มแรกๆ ที่ถูกจับตามองจากนักลงทุนสถาบันทั่วโลก และเมื่อมีเม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติไหลเข้ามา ก็จะส่งผลดีต่อนักลงทุนในประเทศที่มีหุ้นตัวนั้นอยู่ในพอร์ต เพราะราคาหุ้นจะสูงขึ้นและเพิ่มโอกาสการได้รับเม็ดเงินจากการลงทุนเพิ่มขึ้นนั่นเอง
MSCI ปรับการคำนวณครั้งนี้ ส่งผลต่อหุ้นอะไรบ้าง
สำหรับการที่ดัชนี MSCI ยอมรับเงื่อนไข NDVR ซึ่งจะทำให้ไทยถูกเพิ่มน้ำหนักการลงทุนใน MSCI EM นั้น จากการรวบรวมข้อมูลของ Wealthy Thai พบว่ามี 9 หุ้นหลักที่ MSCI ให้น้ำหนักการลงทุนมากที่สุด ได้แก่ PTT, CPALL, AOT, SCB, KBANK, ADVANC, SCC, PTTEP และ PTTGC
อย่างไรก็ตาม จากการรายงานข้อมูลของ MSCI พบว่า หุ้น MSCI ของไทย ให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าภูมิภาค แสดงถึงความแข็งแกร่งของหุ้นใน MSCI THAI ที่ดีกว่าค่าเฉลี่ย ดังนั้นการลงทุนใน MSCI อาจเป็นเครื่องมือที่ช่วยคัดกรองคุณภาพหุ้นให้กับนักลงทุนแล้วระดับหนึ่ง ดังนั้นนักลงทุนควรจะใช้ประกอบการตัดสินใจในการลงทุน จะได้ไม่พลาดโอกาสได้รับผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว
MSCI THAI แกร่งกว่าค่าเฉลี่ย
อยากลงทุนใน MSCI ต้องทำอย่างไร
อ่านมาถึงตรงนี้เชื่อว่าหลายคนต้องอยากลงทุนหุ้นที่อยู่ในดัชนี MSCI แน่นอน โดยนักลงทุนสามารถเลือกซื้อหุ้นได้ตามใจ เพราะมีกว่า 34 หลักทรัพย์ที่ถูกจัดอันดับอยู่ในดัชนีให้เลือกช็อป แต่หากอยากซื้อง่ายๆในครั้งเดียว มีตัวช่วยผ่านผลิตภัณฑ์การเงินอย่าง ETF เช่น กองทุนเปิด BCAP MSCI THAILAND ETF (BMSCITH) ซึ่งเน้นลงทุนในหุ้นที่อยู่ในดัชนี MSCI Thailand ex Foreign Board Index รวมถึงหุ้นที่อยู่ระหว่างการเข้าหรือออกจากดัชนีด้วย โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ทำให้ผู้ลงทุนสามารถลงทุนในหุ้นที่อ้างอิงดัชนี MSCI ได้
แต่แน่นอนว่าการซื้อผ่าน ETF อาจจะมีค่าธรรมเนียมบ้าง ซึ่งผู้ลงทุนอาจจะต้องศึกษาในรายละเอียดด้วย โดยรายละเอียดจะอยู่ภายใต้ลิ้งก์นี้ https://www.set.or.th หรือถ้าจะง่ายกว่านี้เลือกลงทุนในกองทุนรวมที่ลงทุนในหุ้น MSCI ได้เลยยยยยย
ที่มา