ช่วงนี้หลายประเทศต่างเริ่มปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจกันอย่างต่อเนื่อง  อย่างจีนเองก็เพิ่งประกาศลดตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศหรือจีดีพี เหลือเพียง 6.0-6.5% ซึ่งเมื่อพูดถึงตัวเลข อาจจะฟังดูไม่เยอะ แต่รู้มั้ยว่าการปรับลดจีดีพีของจีนเป็นการปรับจีดีพีในรอบ 30 ปีเลยทีเดียว!

การปรับลดประมาณการครั้งนี้ทำให้กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เกิดความกังวลต่อเศรษฐกิจโลก เพราะเป็นห่วงว่าหากสหรัฐกับจีน ที่มีปัญหาสงครามการค้ากันอยู่ไม่สามารถตกลงการค้ากันได้ภายใน 3 เดือน เศรษฐกิจโลกจะมีความเสี่ยง…เข้าสู่ภาวะถดถอย โดยประเมินจีดีพีปีนี้ไว้ที่ 3.5% จากปลายปีที่แล้วที่ไอเอ็มเอฟเคยการณ์จีดีพี 3.7% ด้านศูนย์วิจัยกสิกรเองก็ดี พอเห็นปัจจัยต่างๆ ก็เพิ่งปรับคาดการณ์จีดีพีเช่นกัน โดยหั่นเป้าจีดีพีปี 2562 เหลือ 3.7% จากเดิม 4.0% ส่วนธนาคารแห่งประเทศไทยหรือแบงก์ชาติ ยังคงไม่เปลี่ยนใจคาดการณ์จีดีพีปีนี้ไว้ที่ 3.8% เหมือนเดิม  

 

เทรดวอร์ฉุดส่งออก

ผลกระทบจากสงครามการค้าหรือเทรดวอร์ จนในที่สุดทำให้จีดีพีจีนชะลอลงอย่างเห็นได้ชัด แน่นอนว่าย่อมส่งผลกับกระทบกับเศรษฐกิจไทยด้วยแน่นอน เพราะอย่าลืมว่า “การค้า” ก็เหมือนโดมิโน่ เมื่อประเทศหนึ่งได้รับผลกระทบ ก็ต้องมีประเทศที่เกี่ยวข้องได้รับผลกระทบตามด้วย

 

ซึ่งข้อมูลของศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ (อีไอซี) ธนาคารไทยพาณิชย์ บอกว่า จีนเป็นตลาดส่งออกอันดับ 1 ของหลายๆ ประเทศ รวมถึงไทยเราก็ด้วย การส่งออกไปจีนจากเดิมที่ขยายตัวเป็น “ตัวเลขสองหลัก” เริ่มหดตัวรุนแรง -14% ในเดือนกันยายน 2560 ที่ผ่านมา ต่อเนื่องถึงเดือนกุมภาพันธ์ปีนี้

ส่งออกไทยแม้จะบวก แต่ไม่ช่วยอะไร !!!

หรืออย่างตัวเลขการส่งออกไทย เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา แม้ว่าจะ +5.9% แต่เป็นการบวกชั่วคราว จากการขนอาวุธกลับของสหรัฐฯ ภายหลังการซ้อมรบ ทำให้ตัวเลขการส่งออกภาพรวมขยายตัวสูงกว่าปกติ 

จริงๆ แล้วการส่งออกติดลบ 3.4% ต่างหาก และลบต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 แล้ว!

 

มีแต่ลบ ลบ และลบ…ถือว่าผิดปกติมั้ย?

แม้ว่าเราจะลบ แต่เราก็ยังมีเพื่อน! การส่งออกไทย มีทิศทางสอดคล้องกับประเทศอื่นในภูมิภาค สะท้อนทิศทางการค้าโลกที่ลดลงจากภาวะการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะเศรษฐกิจจีน

 

และล่าสุดทางสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) หรือสภาผู้ส่งออก ประกาศปรับลดคาดการณ์ส่งออกไทยปีนี้ว่าจะโตไม่เกิน 5% พร้อมๆ กับคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน หรือกกร. ที่มีทั้งสมาคมธนาคารไทย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ก็หั่นเป้าจีดีพีเหลือ 3.7-4.0% จากปัจจัยรุมเร้าที่เราเห็นกัน ไม่ว่าจะเป็น “กำแพงภาษี” จากสหรัฐ ทำให้ผู้ส่งออกไทยได้รับผลกระทบ มาตรการกีดกันทางการค้า รวมถึงบทสรุปเรื่องเบร็กซิทเองก็ด้วย

 

อย่างไรก็ตามแม้ว่าการค้าโลก จะอึมครึม แต่การที่ธนาคารกลางสหรัฐ หรือเฟด ชะลอขึ้นดอกเบี้ย ก็จะช่วยเบรคเศรษฐกิจที่กำลังโตช้าๆ บวกกับในปีนี้ในหลายๆ ซึ่งในประเทศไทยมีการเลือกตั้งภายใน ก็จะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ช่วยไดรฟ์เศรษฐกิจได้

หรืออย่าง “เทรดวอร์” ที่เป็นตัวร้ายของเศรษฐกิจโลก ทางกสิกรมองว่าข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน มีสัญญาณที่เป็นบวกมากขึ้น และน่าจะหาข้อสรุปได้ในระยะเวลาอันใกล้ ซึ่งก็น่าจะส่งผลให้สหรัฐฯ ยกเลิกการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าบางส่วนจากจีน ลดแรงกดดันบรรยากาศการค้าโลกในช่วงที่เหลือของปี 2562 ดังนั้นศูนย์วิจัยกสิกรไทยจึงยังคงประมาณการอัตราการขยายตัวของการส่งออกสินค้าไทยในปี 2562 ไว้ที่ 4.5% ขณะที่อีไอซีประมาณการส่งออกไทยปีนี้ที่ 3.4%

 

 

อย่างไรก็ตามไทยพาณิชย์มอง 3 ประเด็นที่น่าสนใจในปีนี้ ประกอบด้วย 1.ลุ้นนักท่องเที่ยวจีนกลับไทย 2.เมกะโปรเจคท์ภาครัฐ กระตุ้นเศรษฐกิจ จุดติดลงทุนเอกชน และ 3.โอกาสของธุรกิจไทยในสงครามการค้า สหรัฐ-จีน

 

ก็ต้องรอดูช่วงครึ่งปีหลังว่าเศรษฐกิจจะเข็นขึ้นหรือไม่ โดยเฉพาะ “การส่งออก” ว่าจะเป็นพระเอกเหมือนปีที่ผ่านๆ มา ที่ดันตัวเลขจีดีพีให้ออกมาสวยๆ หรือจะรับบทตัวร้ายในปีนี้  ส่วนรัฐบาล (ใหม่) เหนื่อยแน่ เพราะเศรษฐกิจโลกหนืด แถมการส่งออกถือเป็นหัวใจสำคัญของจีดีพีถึง 70% เลยทีเดียว หากส่งออกแย่ จะทำให้จีดีพีโตก็คงเป็นไปได้ยาก

 

ที่มา https://www.hoonsmart.com/archives/51413

https://www.scbeic.com/th/macroeconomics

https://www.posttoday.com/finance/news/584789

http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/831487

https://www.khaosod.co.th/around-the-world-news/news_2065728

และบทวิเคราะห์การส่งออก ศูนย์วิจัยกสิกรไทย