นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่าในวันที่ 22 เม.ย.นี้จะมีการปรับขึ้นค่าโดยสารรถสาธารณะตามมติคณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลางได้ประกาศไว้ โดยมีมติปรับขึ้นค่าโดยสารรถ ขสมก. และรถร่วมบริการ อัตรา 1 บาท รถเมล์ไม่ปรับอากาศ(รถร้อน)เดิม 9 ปรับเป็น 10 บาท รถ ขสมก.เดิม 6.50 บาท ปรับเป็น 7.50 บาท ส่วนรถปรับอากาศปรับระยะทางละ 1 บาท จากเดิม 11-23 บาทเป็น 12-24 บาทต่อเที่ยว รถเอ็นจีวีจากเดิม 11-23 บาทต่อเที่ยว ปรับตามระยะทาง เริ่มต้นที่ 15 บาท สูงสุดที่ 25 บาท
ขณะที่ รถร่วม บขส. ปรับไม่เกินร้อยละ 10 เนื่องจากต้นทุนในปัจจฺบันไม่สะท้อนต้นทุนที่แท้จริงส่งผลกระทบของคุณภาพบริการผู้โดยสาร ดังนั้นตอนนี้บริการดีขึ้น ต้องการให้ประชาชนสนับสนุน ขสมก. ทั้งกำลังใจหรือการร้องเรียน และการปรับขึ้นค่าโดยสารบ้าง ทำให้องค์กรและผู้ประกอบการรถโดยสารเอกชนมีฐานะการเงินดีขึ้น
นายอาคม กล่าวอีกว่าคาดการณ์ผู้โดยสารใช้ระบบขนส่งสาธารณะทุกโหมดช่วงสงกรานต์ประมาณ 15 ล้านคนแบ่งเป็นเฉพาะในกรุงเทพฯ ประมาณ 10-20% เพราะคนต่างจังหวัดเข้ามาเที่ยวในกรุงเทพฯ ส่วนคนกรุงเทพฯ ใช้ระบบรถไฟฟ้า รถเมล์ รถไฟ และเรือ นอกจากนี้ ขสมก. ร่วมกับกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) และ บริษัทขนส่งจำกัด (บขส.) จัดรถตรวจการณ์อำนวยความสะดวก รวมทั้งจัดรถเมล์เชื่อมต่อการเดินทาง โดยเฉพาะสถานขนส่งและสถานีรถไฟด้วย
นายอาคม กล่าวต่อว่า ที่สำคัญบริการรถเมล์ต้องเข้มงวดขับรถมีระเบียบวินัย ไม่ขับเร็ว จอดรับส่งผู้โดยสารตามป้ายหยุดรถเมล์ นอกจากนี้ต้องพัฒนาการให้บริการทั้งจัดหารถเมล์ 3,000 คัน ทั้งรถเช่า รถซื้อและรถเมล์เก่าปรับปรุงสภาพใหม่ อยู่ระหว่างเตรียมเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยรถเมล์ใหม่จะนำมาทดแทนรถเก่า โดยรถเมล์ใหม่จะเป็นรถชานต่ำ และมีสิ่งอำนวยความสะดวกให้ผู้พิการ ขณะเดียวกันด้านพนักงานขับรถ ขสมก. ได้โครงการพนักงานขับรถหญิงต้นแบบ และมีมากขึ้น จากเดิมมี 10 กว่าคน ปัจจุบันมี 376 คน รวมทั้งนำระบบป้ายอัจฉิยะมาใช้ ตอนนี้รอให้กรุงเทพมหานคร (กทม.) อนุญาตใช้พื้นที่ และนำระบบบัตรโดยสารอิเล็กทรอนิกส์พร้อมอุปกรณ์ (อีทิคเก็ต) มาใช้ และทดลองนำร่องรับชำระค่าโดยสารแบบไร้เงินสดบนรถโดยสารปรับอากาศ (รถเมล์แอร์) สาย 510 มธ.ศูนย์รังสิต-อนุสาวรีย์ชัยฯ ผ่านเครื่องรับชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ หรือ EDC เพื่อให้สู่สังคมไร้เงินสด พบว่าผู้โดยสารตอบรับดี เพราะสะดวกสบาย