นายพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า ภายในเดือนเม.ย.นี้ กรมจะออกมาตรการเข้มงวดในการเสียภาษีเบียร์และน้ำมัน หลังจากพบว่าการเก็บภาษีทั้ง 2 สินค้า ในรอบ 6 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2562 ต่ำกว่าเป้าหมายจำนวนมาก โดยภาษีเบียร์เก็บได้ 3.6 หมื่นล้านบาท ต่ำกว่าเป้าหมาย 1.4 หมื่นล้านบาท หรือ 27% โดยเป้าการเก็บภาษีทั้งปีอยู่ที่ 9.65 หมื่นล้านบาท
ขณะที่การเก็บภาษีน้ำมันเก็บได้ 9.7 หมื่นล้านบาท ต่ำกว่าเป้าหมาย 1.3 หมื่นล้านบาท หรือ 12.5% โดยเป้าหมายทั้งปีต้องเก็บให้ได้ 2.34 แสนล้านบาท
สำหรับมาตรการเข้มที่จะตรวจสอบการเสียภาษีเบียร์ จะมีการแก้ไขระเบียบเรื่องการผลิตเบียร์เพื่อการส่งออก จากเดิมตรวจการปล่อยสินค้าจากโรงงานเท่านั้น แต่ระเบียบใหม่จะให้มีการตรวจสินค้าอีกครั้งก่อนนำออกนอกประเทศ เพื่อให้แน่ใจว่ามีการนำอออกจริงไม่ได้นำกลับเข้ามาขายในประเทศ เพราะเบียร์ที่ส่งออกได้รับการยกเว้นภาษีสรรพสามิตทั้งหมด ปัจจุบันมีการผลิตเพื่อการส่งออก 13% ของการผลิตทั้งหมดในประเทศ
นอกจากนี้ กรมสรรพสามิตจะทำการตรวจสอบการผลิตเบียร์ตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง ผู้ผลิตต้องรายงานให้เห็นภาพรวมการผลิต ทั้งจำนวนปริมาณวัตถุดิบที่ใช้ กากของเสียที่ออกมา รวมถึงปริมาณเบียร์ที่ผลิตได้ เพื่อไปเทียบกับเบียร์ที่ผู้ประกอบการนำออกมาขายตรงกันหรือไม่
ขณะที่มาตรการเข้มกำกับการเสียภาษีน้ำมัน ได้มีการหารือกับผู้ประกอบการโรงกลั่นน้ำมัน 7 แห่ง และคลังน้ำมันอีก 40 แห่ง จะมีการตรวจน้ำมันดิบที่นำเข้ามาโรงกลั่้น น้ำมันที่ผลิตออกมาได้ รวมถึงการควบคุมการขนส่ง โดยเฉพาะการขนส่งน้ำมันออกไปขายนอกประเทศว่ามีการนำออกไปจริง เพราะได้รับการยกเว้นภาษีสรรพสามิตเช่นกัน
นอกจากนี้ ยังต้องตรวจเข้มน้ำมันเขียว ที่ช่วยเหลือผู้ประกอบการประมง โดยไม่ต้องเสียภาษีสรรพสามิตว่ามีการไปขายและช่วยกับผู้ประกอบการประมงจริง ไม่ได้นำกลับมาขายบนฝั่ง ซึ่งเป็นช่องโหว่ที่กรมสรรพสามิตต้องเร่งเข้าไปแก้ไข
สำหรับการเก็บภาษีสรรพสามิตรอบ 6 เดือน เก็บได้ 2.89 แสนล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันปีก่อน 2.05 หมื่นล้านบาท หรือ 7.62% แต่ต่ำกว่าเป้าหมายตามเอกสารงบประมาณ 1.4 หมื่นล้านบาท หรือ 4.7% โดยเป้าหมายการเก็บภาษีทั้งปีอยู่ที่ 6.22 แสนล้านบาท