วินสัน พูน หัวหน้าฝ่ายวิจัยตราสารหนี้ของ Maybank Kim Eng Securities Ltd กล่าวกับสำนักข่าวบลูมเบิร์กว่า “ความเสี่ยงในการตัดพันธบัตรมาเลเซียออกจากดัชนีหลัก ดูเหมือนว่าจะมีความเป็นไปได้มากกว่าที่คาดการณ์ไว้ เว้นแต่ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงขั้นพื้นฐาน เพื่อปรับปรุงระดับการเข้าถึงตลาดของมาเลเซีย"
Morgan Stanley ชี้ว่า ท่าทีดังกล่าวของตลาดทุนชั้นนำของโลก ยิ่งทำให้เกิดแรงกดดันต่อตลาดหุ้นของมาเลเซีย เพราะขณะนี้ดัชนีหุ้นมาเลเซียมีผลงานต่ำกว่ามาตรฐานตลาดหุ้นทั่วโลกในปีนี้ หากมาเลเซียหลุดจากดัชนี FTSE มูลค่าการถอนตัวจากพันธบัตรอาจสูง 8,000 ล้านเหรียญสหรัฐ
กระแสความคาดหวังในแง่บวกเกี่ยวกับหุ้นของมาเลเซียได้จางหายไป หลังจากผ่านไปเกือบหนึ่งปีนับตั้งแต่นายกรัฐมนตรีมหาเธร์ โมฮัมหมัดชนะการเลือกตั้งในเดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว สาเหตุที่กระแสบวกหายกลายเป็นกระแสลบ ก็เพราะรัฐบาลชุดใหม่ยังไม่สามารถจัดกับกับปัญหาหนี้สินที่รัฐบาลก่อนได้ก่อขึ้น
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ของ Morgan Stanley เผยว่า นักลงทุนต่างชาติลดการถือพันธบัตรรัฐบาลมาเลเซียลงตั้งแต่ปลายปี 2559 และเมื่อเดือนมีนาคม มูลค่าการลงทุนในพันธบัตรมาเลเซียอยู่ที่ประมาณ 37,000 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ
ขณะที่เงินบาท เป็นสกุลเงินที่มีความเคลื่อนไหวดีที่สุดในเอเชียเมื่อที่แล้ว บลูมเบิร์กยังคาดการณ์ว่าเงินบาทจะยังคงเป็นสกุลที่แข็งค่าที่สุดและมีอนาคตสดใสที่สุดในปีนี้อีกด้วย อันเป็นผลมาจากพื้นฐานเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง