“บลจ.กรุงไทย”...เตรียมปันผล 4 กอง ‘หุ้นไทย-อสังหาฯ’ แนะทยอยสะสมหุ้นไทยได้ ดาวน์ไซด์จำกัด คาดตลาดหุ้นสิ้นปีแตะ 1,740 จุด
นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บลจ.กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการจัดการลงทุนของบริษัทมีมติจ่ายเงินปันผล 4 กองทุน ประกอบด้วย
- ‘กองทุนเปิดกรุงไทยซีเล็คทีฟ อิควิตี้ ฟันด์ (KTSE)’ จ่ายเงินปันผลครั้งที่ 1 /2562 สำหรับรอบระยะเวลาบัญชี วันที่ 1 มกราคม -31 ธันวาคม 2562 ผลการดำเนินงานสิ้นสุด ณ วันที่ 31 มีนาคม 2562 ในอัตรา 0.20 บาทต่อหน่วย นับตั้งแต่จัดตั้งกองทุน ในปี2554 จ่ายเงินปันผลแล้วทั้งสิ้น 16 ครั้ง จำนวน13.30 บาทต่อหน่วย ผลการดำเนินงานย้อนหลัง ณ วันที่ 19 เมษายน 2562 นับตั้งแต่ต้นปี (2ม.ค. -19 เม.ย. 62 ) อยู่ที่ 5.42% Benchmark อยู่ที่ 8.37%
- ‘กองทุนเปิดกรุงไทยหุ้นระยะยาว (KTLF)’ จ่ายเงินปันผลครั้งที่ 1/19 สำหรับรอบระยะเวลาบัญชีวันที่ 1 ต.ค.18 -30 ก.ย. 19 ผลการดำเนินงานสิ้นสุด ณ วันที่ 31 มี.ค. 19 ในอัตรา 0.25 บาทต่อหน่วย นับตั้งแต่จัดตั้งกองทุนในปี 2004 จ่ายเงินปันผลแล้วทั้งสิ้น 14 ครั้ง จำนวน 2.35 บาทต่อหน่วย ผลการดำเนินงานย้อนหลัง ณ วันที่ 19 เม.ย. 19 นับตั้งแต่ต้นปี (2 ม.ค. -19 เม.ย.19 ) อยู่ที่ 6.45% Benchmark อยู่ที่ 8.37%
- ‘กองทุนเปิดกรุงไทย หุ้นไฮดิวิเดนด์ (KT-Hidiv)’ จ่ายเงินปันผลครั้งที่ 1/19 สำหรับรอบระยะเวลาบัญชี วันที่ 1 ก.ย.18 - 31 ส.ค. 19 ผลการดำเนินงานสิ้นสุด ณ วันที่ 31 มี.ค. 19 ในอัตรา 0.30 บาทต่อหน่วย นับตั้งแต่จัดตั้งกองทุนในปี2013 จ่ายเงินปันผลแล้วทั้งสิ้น 4 ครั้ง จำนวน 1.20 บาทต่อหน่วย ผลการดำเนินงานย้อนหลัง ณ วันที่ 19 เม.ย. 19 นับตั้งแต่ต้นปี (2 ม.ค. -19 เม.ย.19) อยู่ที่ 6.79% Benchmark อยู่ที่ 7.78%
- ‘กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าเทสโก้ โลตัส รีเทล โกรท (TLGF)’ จ่ายเงินปันผลครั้งที่ 28 สำหรับรอบระยะเวลาบัญชีวันที่ 1 ธ.ค. 18 - 28 ก.พ. 19 อัตรา 0.2249 บาทต่อหน่วย
“ทั้ง 3 กองทุนหุ้นจ่ายปันผลพร้อมกันในวันที่ 30 เม.ย. 19 ยกเว้น ‘กอง TLGF’ จ่ายเงินปันผลในวันที่ 15 พ.ค. 19”
นางชวินดา ยังกล่าวอีกว่า ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนและลูกค้าสัมพันธ์ของบริษัทมองว่าตลาดหุ้นโลกอยู่ในช่วงขาขึ้นจากแรงหนุนของสภาพคล่องที่กลับเข้าสู่ตลาดหุ้นทั่วโลก หลังธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ชะลอการขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยได้รับอานิสงส์และสามารถปรับตัวขึ้นตามตลาดอื่นๆ ได้ และโอกาสที่หุ้นไทยจะปรับตัวเป็นขาลงอาจจะมีไม่มากนัก เนื่องจากระบบการเงินไทยโดยรวมมีเสถียรภาพอยู่ในเกณฑ์ดี ระบบสถาบันการเงินมีความมั่นคง และมีเสถียรภาพด้านต่างประเทศที่เข้มแข็ง สะท้อนจากภาระหนี้ต่างประเทศที่อยู่ในระดับต่ำ เงินสำรองระหว่างประเทศอยู่ในระดับสูง และดุลบัญชีเดินสะพัดที่เกินดุลต่อเนื่อง ทำให้สามารถรองรับความผันผวนของเศรษฐกิจการเงินโลกได้ดี
“ดังนั้นนักลงทุนที่สนใจลงทุนในหุ้นไทย สามารถทยอยสะสมได้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกองทุน LTF และ RMF โดยเป้าหมายดัชนีในปีนี้บริษัทคาดการณ์ไว้ที่ประมาณ 1,740 จุด”