บล.โกลเบล็ก จับตาประชุมเฟด-แบงก์ชาติ แนะลงทุนหุ้น laggard ในดัชนี MSCI-EM
>>
Hightlight
-
บล.โกลเบล็ก มองนักลงทุนคลายกังวลปัจจัยเศรษฐกิจสหรัฐถดถอย หลังรายงานตัวเลข GDP โต 3.2% ดีเกินคาด
-
ด้านจีนรายงานตัวเลขกำไรของบริษัทขนาดใหญ่สูงขึ้นถึง 13.9% แต่ยังคงต้องจับตาการประชุมเฟด คาดคงดอกเบี้ย และแบงก์ชาติรายงานภาวะเศรษฐกิจไทยเดือนมีนาคม
-
โดยให้กรอบดัชนี 1,660 - 1,685 จุด แนะนำกลยุทธ์การลงทุนในหุ้นที่ดัชนี MSCI-EM แนะเพิ่มน้ำหนักลงทุนหุ้น laggard ในดัชนี MSCI-EM
-
ส่วนราคาทองคำมีโอกาสจะปรับตัวขึ้นไปทดสอบระดับ 1,300 ดอลลาร์
น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS กล่าวว่า ทิศทางตลาดหุ้นไทยตอบรับปัจจัยบวกจากการรายงานตัวเลข GDP ของสหรัฐในไตรมาส 1/2562 ประมาณการเบื้องต้นครั้งที่ 1 อยู่ที่ระดับ 3.2% ซึ่งสูงกว่าที่คาดไว้ที่ระดับ 2.5% และสูงกว่า 2.2% ในไตรมาส 4/2561 ทำให้คลายกังวลปัจจัยเศรษฐกิจถดถอยของสหรัฐ ซึ่งได้แรงหนุนจากการลงทุนภาครัฐ อีกทั้งจีนเปิดเผยผลกำไรของบริษัทอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ในภาคอุตสาหกรรมพุ่งขึ้น 13.9% ในเดือนมี.ค. พลิกจากช่วงเดือนม.ค.-ก.พ. 62 ที่ลดลง 14% โดยมูลค่าอุตสาหกรรมรวมขยายตัว 8.5% เมื่อเทียบเป็นรายปี และเพิ่มขึ้น 3.2% เมื่อเทียบกับเดือนม.ค.-ก.พ. 62 อีกทั้งกระทรวงการคลังเตรียมเสนอมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเข้าที่ประชุมครม.วันนี้ (30 เม.ย. 62)
ส่วนปัจจัยลบที่ต้องติดตาม คือ การรายงานดัชนีเศรษฐกิจการเกษตรซึ่งวัดรายได้เกษตรกรในเดือนมี.ค. 62 ลดลง 4.03% จากเดือนมี.ค. 61 เนื่องจากดัชนีราคาและดัชนีผลผลิตปรับตัวลดลง โดยดัชนีรายได้เกษตรกรมีแนวโน้มทรงตัวในเดือนพ.ค. และปัจจัยการเมืองยังไม่แน่นอน ยังไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งกดดันภาพรวมเศรษฐกิจระยะยาว
โดยยังมีประเด็นที่น่าสนใจ ดังนี้
- วันที่ 30 เม.ย. 62 ธปท.รายงานภาวะเศรษฐกิจไทย ส่วนสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) แถลงดัชนีอุตสาหกรรม รวมทั้งจีนเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต-ภาคบริการเดือนเม.ย. เช่นเดียวกับอียูเปิดเผย GDP ไตรมาส 1/2562, อัตราว่างงานเดือน มี.ค. นอกจากนี้ สหรัฐฯ เปิดเผยดัชนีราคาบ้านเดือนก.พ., ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนมี.ค. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนเม.ย.
- วันที่ 30 เม.ย.-1 พ.ค. 62 จะมีการกำหนดประชุมธนาคารกลางสหรัฐ ซึ่งนักวิเคราะห์คาดที่ประชุมตรึงดอกเบี้ย 2.25-2.50%
- วันที่ 1 พ.ค. 62 สหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนเม.ย.จาก ADP, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนเม.ย., ดัชนีภาคการผลิตเดือนเม.ย., สต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ และคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) แถลงมติอัตราดอกเบี้ย (เช้าวันที่ 2 พ.ค.)
- วันที่ 2 พ.ค. 62 จีนเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนเม.ย., อียู เปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนเม.ย., ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ประชุมนโยบายการเงินและแถลงมติอัตราดอกเบี้ย และ สหรัฐฯ เปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีภาวะธุรกิจนิวยอร์กเดือนเม.ย. และยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนมี.ค.
- วันที่ 3 พ.ค. 62 อียู เปิดเผยอัตราเงินเฟ้อเดือนมี.ค. และสหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนเม.ย., ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนเม.ย.
ด้านนายสรรพกัณฑ์ ปัมทบริสุทธิ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า คาดทิศทางตลาดหุ้นไทยจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 1,660 - 1,685 จุด จึงแนะนำกลยุทธ์การลงทุนในหุ้นที่มีโอกาสถูกเพิ่มน้ำหนักลงทุนในดัชนี MSCI แต่ยัง Laggard (ราคาปรับขึ้นต่ำกว่า 5%YTD) เช่น BH, TRUE, IRPC, PTTGC, BDMS, CPN, HMRPO, SCC
สำหรับแนวทางการลงทุนในทองคำ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า ราคาทองคำสามารถรีบาวด์กลับขึ้นมายืนเหนือแนว 1,280 ดอลลาร์ ได้อีกครั้ง ถือเป็นสัญญาณบวกสำหรับระยะสั้น แต่การดีดขึ้นดังกล่าวยังไม่พ้นกรอบแนวโน้มขาลง ทำให้ภาพในระยะกลางยังคงเป็นลบ อย่างไรก็ตาม ด้วยแรงหนุนจากโอกาสที่สูงขึ้นที่ Fed จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในช่วงต้นปีหน้า ทำให้สกุลเงินดอลลาร์ถูกกดไม่ให้แข็งค่ามากนัก แม้ว่าตัวเลขเศรษฐกิจและภาวะสงครามการค้ากำลังดีขึ้นก็ตาม ราคาทองคำจึงมีโอกาสจะปรับตัวขึ้นไปทดสอบระดับ 1,300 ดอลลาร์ได้ แนะนำให้ปรับมาเล่น swing trade ระหว่าง 1,280–1,300 ดอลลาร์ และพอร์ตระยะกลางควรลดการถือครองทองคำหรือแบ่งเปิดสถานะ short ในกรณีที่ราคาไม่สามารถทะลุขึ้นไปยืนเหนือ 1,300 ดอลลาร์ได้อย่างมั่นคง