TFEX เร่งเสริมเครื่องมือซื้อขาย “Algo Trading” เพิ่มโอกาสทำกำไรให้ผู้ลงทุน 

>>

Hightlight

  • ตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า หรือ TFEX มีพัฒนาการและการเติบโตอย่างต่อเนื่อง สะท้อนจากปริมาณการซื้อขายตั้งแต่ปี 2549 มาจนถึงปี 2561 เติบโตเฉลี่ยปีละ 57.06% 
  • การลงทุนในยุคนี้ถูกกระแสเทคโนโลยีเข้ามา Disrupt รวมถึงนวัตกรรมใหม่ๆ เข้ามามีบทบาทมากขึ้น จนเกิดกระแสการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
  • เร่งเสริมเครื่องมือซื้อขาย “Algo Trading” เพิ่มโอกาสทำกำไรให้ผู้ลงทุน 

 

 

กว่าทศวรรษที่ผ่านมา ตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้าหรือ TFEX มีพัฒนาการและการเติบโตอย่างต่อเนื่อง สะท้อนจากปริมาณการซื้อขายตั้งแต่ปี 2549 มาจนถึงปี 2561 เติบโตเฉลี่ยปีละ 57.06% หากเทียบกับตลาดอนุพันธ์ทั่วโลก TFEX อยู่อันดับที่ 26 สำหรับปีนี้ TFEX ได้พัฒนาคุณภาพสินค้าและบริการ ตลอดจนส่งเสริมสภาพคล่องในการซื้อขาย เพื่อให้ตอบโจทย์ผู้ใช้งานและเข้าถึงผู้ลงทุนได้หลากหลายกลุ่ม รวมถึงใช้บริหารพอร์ตและบริหารความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

 

นอกจากนี้ยังมุ่งเน้นเสริมภูมิความรู้ด้านกลยุทธ์และเครื่องมือการซื้อขาย “Algo Trading” หรือนำเทคโนโลยีมาใช้ให้เกิดประโยชน์ เพื่อเพิ่มโอกาสการทำกำไรให้กับผู้ลงทุนใน TFEX โดยสัมมนาพิเศษเนื่องในโอกาสก้าวสู่ปีที่ 14 ของ TFEX หัวข้อ “พัฒนาการของ TFEX โอกาสและความท้าทาย” จัดขึ้นเพื่อเสริมความรู้และเปิดมุมมองให้แก่ผู้ลงทุนได้เห็นถึงโอกาสและเตรียมความพร้อมรองรับกับการเปลี่ยนแปลงที่จะขึ้น


นายชาญชัย กงทองลักษณ์ ประธานชมรมผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้า และกรรมการอำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ทรีนีตี้ จำกัด
กล่าวว่า TFEX มีพัฒนาการที่มั่นคง มีรูปแบบที่ชัดเจน และในย่างก้าวต่อไปจะเติบโตมากขึ้น โดยช่วงแรกให้ความสำคัญกับการวางกฎเกณฑ์และสร้างมาตรฐานการทำงานของอุตสาหกรรม ช่วงที่สองให้ความสำคัญกับการเพิ่มปริมาณสินค้าให้มีความหลากหลายมากขึ้น อาทิ SET50 Index Futures และ Options และ Stock Futures รวมถึงกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์


และปัจจุบันคือการพัฒนาสภาพคล่องและความลึกของตลาด เพราะมีสินค้าบางตัวประสบความสำเร็จไปแล้ว เช่น SET50 Index Futures ขณะที่สินค้าหลายตัวยังมีสภาพคล่องไม่มากพอ เช่น SET50 Index Options และ Stock Futures รวมไปถึงยางพารา จึงได้ชักชวนสมาชิกเข้ามาเป็น Market Maker เพื่อช่วยเสริมสภาพคล่องในการซื้อขาย

 

“ปีนี้ผมคิดว่า TFEX อยู่ในช่วงของการเพิ่มความลึกหรือสภาพคล่องในตลาด สิ่งที่เราคาดหมาย เช่น วันใดที่ตลาดหุ้น Crash หรือหุ้นตัวไหนที่ Active วันนั้น ตลาด Futures ก็น่าจะ Active ไปด้วย นี่ก็เป็นพัฒนาการของ TFEX ตลอด 13 ปี ซึ่งผมคิดว่า TFEX ยังมีอีกหลายเรื่องที่เราจะปรับปรุงและพัฒนาให้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น” นายชาญชัยกล่าว 

 

ปริมาณการซื้อขาย TFEX 

 

ในแง่ปริมาณการซื้อขายของ TFEX ถือว่าอยู่ในระดับพอใช้ได้ แต่ก็ยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก ซึ่งขึ้นอยู่กับความเข้าใจของคนในอุตสาหกรรม อาทิ ถ้าเราเข้าใจสินค้า Options มากขึ้นว่าคืออะไร และใช้เครื่องมือเหล่านี้ได้คล่อง ปริมาณธุรกรรมก็จะหลากหลายและมีปริมาณเพิ่มมากขึ้น ไม่เฉพาะแค่ TFEX แต่รวมถึงการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ก็จะเพิ่มขึ้นและเติบโตไปด้วยกัน 


ปีนี้อยากเห็นผู้ลงทุนมีพัฒนาการในการซื้อขาย เพราะในทุกตลาดควรมีผู้ลงทุนทุกกลุ่ม และทุกกลุ่มมีความแข็งแรงเท่ากันหมด ลักษณะแบบนี้คือตลาดที่สมบูรณ์ ซึ่งการซื้อขายในตลาดอนุพันธ์ ไม่จำเป็นต้องเก็งกำไรเสมอไป แต่เป็นการลงทุนที่แตกต่าง และจะมีการให้ความรู้กับผู้ลงทุนทั่วไป เพื่อปรับมุมมองการซื้อขายใน TFEX ไม่ใช่แค่เพื่อเก็งกำไร แต่สามารถใช้เพื่อการบริหารพอร์ตหรือกระจายความเสี่ยงของพอร์ตได้       

 

นายธนวัฒน์ พานิชเกษม กรรมการผู้จัดการ สายงานบริหารการลงทุนและค้าหลักทรัพย์ บล.ไทยพาณิชย์ ระบุว่า ผู้ลงทุนสถาบันแทบไม่ได้ใช้สินค้าใน TFEX เลย ซึ่งจริงๆ มีความต้องการใช้ แต่เกณฑ์ออกแบบมาเพื่อเอื้อต่อผู้ลงทุนทั่วไปที่เน้นใช้ตราสารอนุพันธ์เป็นเครื่องมือเพื่อซื้อขายมากกว่าลงทุนระยะยาว และในระยะแรกยังถูกข้อจำกัดด้วยเกณฑ์การลงทุน ที่หลังจากลงทุนแล้วจะต้องมีเงินไว้เพื่อรองรับการใช้สิทธิ แต่ในปี 2558-2559 สำนักงานก.ล.ต. ได้มีการแก้ไขเกณฑ์ ทำให้กองทุนหรือสถาบันลงทุนได้ แต่ก็ยังค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งที่ผ่านมา ส่วนใหญ่จะเน้นซื้อขาย SET50 Index Futures เนื่องจากมีสภาพคล่องสูง

 

นายอติ อติกุล CMT, CFA, FRM ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายตราสารอนุพันธ์ บล. หยวนต้า (ประเทศไทย) มองว่า ปีนี้ TFEX น่าจะมีปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้นแน่นอน โดยพิจารณาจากมูลค่าการซื้อขายในตลาดหุ้นที่ปีนี้เทรดกว่า 4.4 หมื่นล้านบาท ดังนั้น SET50 Index Futures ใน TFEX ก็น่าจะเทรดกันที่ระดับ 3.5 หมื่นล้านบาท หรือคิดเป็น 80% ส่วน Stock Futures ก็น่าจะมีมูลค่าการซื้อขายสูงถึง 3-4 พันล้านบาท

 

เชื่อว่า SET50 Index Futures เป็นสินค้าที่ยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก เนื่องจากผู้ลงทุนทั่วไปและลูกค้าสถาบันมีความสนใจซื้อขายเพิ่มขึ้น รวมถึงจำนวน DW ที่อ้างอิงกับ SET50 Index มีมากขึ้น จึงทำให้ SET50 Index Futures มีสภาพคล่องสูงมาก และเมื่อเทียบกับไต้หวันซึ่งสินค้า Index Futures บูมมาก มูลค่าการซื้อขายโตกว่าตัวตลาดหุ้นถึง 200-300% ขณะที่วอลุ่มของ Gold Futures แม้มีแนวโน้มลดลง แต่วอลุ่มก็ถูกโยกมาซื้อขายใน Gold Online Futures แทน

 

ทั้งนี้หากผู้ลงทุนทั่วไปมีปัญหาในการซื้อขาย โดยเฉพาะจังหวะและระดับราคาใดที่เหมาะสมในการเข้า-ออก ควรศึกษาข้อมูลและสอบถามโบรกเกอร์ เพราะโบรกเกอร์จะมีเครื่องมือโดยมีราคาทางทฤษฎี และนำไปคำนวณให้แบบ Real Time เพื่อลดความผิดพลาดในการซื้อขายได้

 

 

สำหรับประเทศไทยเกิดขึ้นรุ่นแรกช่วงปี 2553 เริ่มต้นจากมีคนนำข้อมูลที่ขายเป็นรายเดือนมาเขียนเพื่อทำการประเมินผลและสร้างสัญญาณระบบซื้อขาย แม้สั่งซื้อขายได้ แต่ก็ยังมีปัญหาว่าไม่สามารถส่งสัญญาณกลับมาว่าซื้อขายได้ไหม หลังจากนั้นจึงพัฒนาเป็นการซื้อระบบสำเร็จรูปยกชุดจากต่างประเทศ ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการแบบอัตโนมัติและมีระบบป้องกันความเสี่ยงด้วย แต่ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา มีการใช้ระบบ AI (Artificial Intelligence) หรือปัญญาประดิษฐ์ ซึ่งสามารถเทรดหุ้นและอนุพันธ์เองได้ จัดพอร์ตให้ได้ วันนี้อยู่บ้านสามารถเขียนโปรแกรมเอง ใช้เวลาเรียนรู้ 20 วัน

 

 เทคโนโลยีเข้ามา Disrupt

 

การลงทุนในยุคนี้ต้องยอมรับว่าถูกกระแสเทคโนโลยีเข้ามา Disrupt รวมถึงนวัตกรรมใหม่ๆ เข้ามามีบทบาทมากขึ้น จนเกิดกระแสการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ดังนั้น จึงจำเป็นที่ผู้ลงทุนต้องตามให้ทัน ที่สำคัญต้องเรียนรู้เครื่องมือใหม่ๆ ตลอดเวลา เพื่อเป็นการติดอาวุธ สร้างเกราะป้องกันความเสี่ยง และเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารพอร์ต ซึ่งถือเป็นความท้าทายที่ผู้ลงทุนต้องเผชิญ ดังนั้น Algorithmic Trading นวัตกรรมตลาดทุน หากเข้าใจและใช้เป็นย่อมเกิดประโยชน์ต่อผู้ลงทุนแน่นอน