ถือเป็นปีที่น่าจับตามองของ ‘JWD’ หรือบมจ.เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ หนึ่งผู้ให้บริการโลจิสติกส์รายใหญ่ หลังจากการขยายธุรกิจทั้งในไทยและต่างประเทศ ทั้งการเข้าลงทุนถือหุ้นและจัดตั้งบริษัทร่วมทุนในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา เริ่มสร้างรายได้และผลกำไรให้แก่บริษัทฯ
ย้อนไปปี 2558 ซึ่งเป็นปีที่ JWD เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย สามารถทำกำไรสุทธิได้ถึง 333 ล้านบาท เติบโตก้าวกระโดดจากปีก่อนหน้า 132% แต่หลังจากนั้นผลการดำเนินงานก็ค่อนข้างผันผวน
- ปี 2559 ขาดทุน 8.86 ล้านบาท (มีการตั้งสำรองหนี้สินที่อาจเกิดขึ้นและค่าใช้จ่ายพิเศษ)
- ปี 2560 กำไรสุทธิ 612.13 ล้านบาท (มีกำไรพิเศษจากการขายสินทรัพย์ให้กองทรัสต์กว่า 400 ล้านบาท)
- ปี 2561 กำไรสุทธิ 252.1 ล้านบาท
เก็บเกี่ยวรายได้และกำไรจากการลงทุน
ส่วนปี 2562 JWD ตั้งเป้ารายได้เติบโต 15-20% จากปีก่อนที่มี 3,208 ล้านบาท โดยนอกจากธุรกิจเดิมที่จะต้องมีรายได้เพิ่มขึ้น เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ได้ปักธงเข้าลงทุนในประเทศเวียดนาม โดยเข้าถือหุ้น 23.66% ใน TRANSIMEX CORPORATION บริษัทให้บริการโลจิสติกส์ครบวงจรรายใหญ่อันดับ 3 ในเวียดนาม คาดจะส่งผลดีต่อการเริ่มรับรู้ส่วนแบ่งกำไรตามสัดส่วนลงทุน ตั้งแต่ไตรมาส 2 ของปีนี้ ซึ่งจะมีนัยสำคัญต่อตัวเลขกำไรบรรทัดสุดท้ายของ JWD พอสมควร
เนื่องจากปีที่ผ่านมา TRANSIMEX มีรายได้ประมาณ 3,000 ล้านบาท และกำไรประมาณ 300 ล้านบาท ดังนั้นภายใต้ผลการดำเนินงานดังกล่าว หาก JWD รับรู้ส่วนแบ่งกำไรที่ 23.66% ในช่วง 3 ไตรมาสที่เหลือของปีนี้ ก็จะอยู่ที่ราว 53 ล้านบาท อย่างไรก็ตามหาก TRANSIMEX สามารถทำผลการดำเนินงานที่ดีในปีนี้ ส่วนแบ่งกำไรก็ย่อมเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
ส่วนการขยายธุรกิจอีก 2 ดีลเมื่อปลายปีที่ผ่านมา ทั้งความร่วมมือ Bok Seng ตั้งบริษัทร่วมทุน
‘เจดับเบิ้ลยูดี บ๊อกเส็ง โลจิสติคส์’ เพื่อรุกให้บริการโลจิสติกส์เฉพาะทาง สำหรับการขนส่งสินค้าขนาดใหญ่พิเศษ (Project Cargo Logistics) เช่น งานขนส่งชิ้นส่วนรถไฟฟ้า ชิ้นส่วนสะพาน โดย JWD ถือหุ้น 60% ผ่านบริษัทในเครือ
ส่วนอีกดีลความร่วมมือกับ CJ Logistics จากเกาหลีใต้ ตั้งบริษัทร่วมทุน ‘ซีเจแอล เจดับเบิ้ลยูดี
โลจิสติกส์’ โดย JWD ถือหุ้น 49% เพื่อร่วมกันขยายธุรกิจโลจิสติกส์ในประเทศไทย ให้แก่กลุ่ม B2B และ B2C โดยเฉพาะลูกค้าที่เป็นพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ ตอบสนองธุรกิจอี-คอมเมิร์ชที่กำลังโตวันโตคืน
โบรกเกอร์ให้มุมมองเชิงบวก
ขณะที่บทวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ประเมินกำไรปี 2562 มีแนวโน้ม New High โดยให้ราคาเป้าหมายหุ้น JWD ที่ 11.7 บาท และให้คำแนะนำซื้อจาก 4 เหตุผล
- กำไรปกติในไตรมาส 1/62 จะเติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 49% ส่วนรายได้คาดเติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 21.9% แต่ลดลงจากไตรมาส 4/61 ที่ 15.5% เนื่องจากเป็นโลว์ซีซั่นของธุรกิจยานยนต์ในไทยและธุรกิจอาหารในไต้หวัน
- ไตรมาส 2/62 คาดกำไรปกติโดดเด่นเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า และช่วงเดียวกันของปีก่อน แม้ธุรกิจยังอยู่ในช่วงโลว์ซีซั่น เนื่องจากจะรับรู้ส่วนแบ่งกำไร 23.66% จาก Transimex Corporation
- คาดการณ์ผลการดำเนินงานจะโดดเด่นขึ้นในครึ่งปีหลังของปีนี้ เนื่องจากเข้าสู่ไฮซีซั่นของธุรกิจในไทย ไต้หวันและเวียดนาม อีกทั้งจะมีรายได้จากห้องเย็นแห่งใหม่ ที่คาดจะแล้วเสร็จเดือนพฤษภาคมนี้
- ราคาหุ้น JWD ย่อตัวจากการนำเข้า-ส่งออกเดือนมีนาคมที่ผ่านมาหดตัวกว่าที่คาด อย่างไรก็ตามสินค้าที่หดตัวคือกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ที่ไม่ใช่ลูกค้าของ JWD
สำหรับราคาหุ้น JWD ในปัจจุบันยังอยู่ในระดับใกล้เคียงปี 2559 ที่แกว่งในกรอบ 7-9 บาท ซึ่งเป็นช่วงที่บริษัทฯ ประสบปัญหาหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นลูกค้ารายใหญ่ 2 รายยกเลิกเช่าคลังสินค้า ธุรกิจห้องเย็นประสบปัญหา EU ให้ใบเหลือง และมีค่าใช้จ่ายพิเศษส่งผลให้มีผลประกอบการขาดทุน
อย่างไรก็ตามสถานการณ์ในปี 2562 แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง โดยลูกค้ารายใหญ่ 1 รายที่เคยยกเลิกเช่าพื้นที่คลังสินค้าทยอยกลับมาเช่าพื้นที่อีกครั้ง ขณะที่ EU ได้ปลดใบเหลืองให้แก่ไทยแล้ว
นอกจากนี้ JWD ได้ขยายธุรกิจในไต้หวัน กัมพูชา และเวียดนาม ซึ่งเป็นปัจจัยที่ส่งผลดีต่อภาพรวมผลการดำเนินงานในปีนี้