SCB มองตลาดหุ้นทั่วโลกปรับลดลง นำโดยตลาดหุ้นจีน 

>>

Hightlight

  • ตลาดหุ้นส่วนใหญ่ปรับลดลง เนื่องจากนักลงทุนกลับมากังวลต่อประเด็นสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนอีกครั้ง
  • หลังประธานาธิบดีสหรัฐประกาศว่า จะเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนมูลค่า 2 แสนล้านดอลลาร์ ในอัตรา 25% เพิ่มขึ้นจาก 10% ในวันที่ 10 พฤษภาคมนี้
  • ขณะที่ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ส่งสัญญาณว่า Fed จะยังไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆ นี้     

 

 

ในสัปดาห์ที่ผ่านมา (29 เม.ย. – 6 พ.ย.) ตลาดหุ้นส่วนใหญ่ปรับลดลง เนื่องจากนักลงทุนกลับมากังวลต่อประเด็นสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนอีกครั้ง หลังประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศว่า จะเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนมูลค่า 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในอัตรา 25% เพิ่มขึ้นจาก 10% ในวันที่ 10 พ.ย.นี้ ขณะที่ผู้แทนการค้าของจีนมีกำหนดเดินทางไปเจรจาการค้าที่สหรัฐฯ สัปดาห์นี้เช่นกัน ส่งผลให้ราคาทองคำปรับเพิ่มขึ้นหลังนักลงทุนหลีกเลี่ยงลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง ด้านราคาน้ำมันปรับลดลงจากสต็อกน้ำมันดิบและการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ปรับเพิ่มขึ้น

 


ตลาดหุ้นสหรัฐปิดลบ
จากความกังวลเกี่ยวกับการทำสงครามการค้าครั้งใหม่ หลังประธานาธิบดีทรัมป์ ประกาศว่าจะเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน วงเงิน 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ สู่ระดับ 25% ในวันศุกร์นี้ จากเดิมที่ 10% ขณะที่ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ส่งสัญญาณว่า Fed จะยังไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆ นี้ นอกจากนี้หุ้นกลุ่มพลังงานปรับลดลงตามราคาน้ำมันดิบ

 

ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ จากความกังวลประเด็นสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน และตัวเลขดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อรวม (เบื้องต้น) เดือนเม.ย.ลดลง แม้ว่าเศรษฐกิจยุโรป (GDP) ในไตรมาส 1/2562 ขยายตัวดีกว่าคาด และธนาคารกลางอังกฤษ คงอัตราดอกเบี้ยพร้อมทั้งปรับเพิ่มคาดการณ์ของ GDP อังกฤษใบปีนี้อยู่ที่ 1.5% ก็ตาม

 

ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดทำการตลอดทั้งสัปดาห์

 

ตลาดหุ้นจีน A-Shares ปรับลดลงอย่างมาก หลังประธานาธิบดีทรัมป์ ประกาศเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน วงเงิน 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากเดิมที่อัตรา 10% เป็น 25% ในวันศุกร์นี้ และระบุว่าจะเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนใน วงเงิน 3.25 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ที่อัตรา 25% ในระยะอันใกล้นี้

 

ตลาดหุ้นไทยปิดบวก ตอบรับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ ที่ช่วยหนุนหลายกลุ่มอุตสาหกรรม และ Fed คงอัตราดอกเบี้ย นักลงทุนรอติดตามการเจรจาการค้าสหรัฐฯ-จีน และการประกาศรับรองผลการเลือกตั้งของขณะกรรมการการเลือกตั้ง

 

ตลาดน้ำมันปิดลบ หลังรายงานสต็อกน้ำมันดิบและการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ปรับเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันลดช่วงลบลง จากความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ-อิหร่าน หลังที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของทำเนียบขาวระบุว่า สหรัฐฯจะส่งกองกำลังทหารไปตะวันออกกลาง เพื่อรับมือกับการคุกคามจากอิหร่าน ซึ่งถือเป็นการส่งสัญญาณว่า หากอิหร่านโจมตีผลประโยชน์ใด ๆ ของสหรัฐ หรือประเทศพันธมิตรของสหรัฐก็จะถูกตอบโต้

 

ตลาดทองคำปิดบวกเล็กน้อย หลังสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่าลง และนักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย หลังตลาดหุ้นฯ ปรับร่วงลงจากความกังวลเรื่องสงครามการค้า

 

เหตุการณ์สำคัญ 

 

  • คณะเจรจาการค้าของสหรัฐฯ-จีนได้เสร็จสิ้นการเจรจาการค้าที่กรุงปักกิ่งสัปดาห์ที่ผ่านมา และ 8 พ.ค.นี้ คณะเจรจาการค้าของจีนจะเดินทางมาที่กรุงวอชิงตัน เพื่อเจรจาฯรอบต่อไป อย่างไรก็ตามประธานาธิบดี ทรัมป์ ประกาศว่า จะปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจีนวงเงิน 2 แสนล้านดอลลาร์ สหรัฐฯ จาก 10% เป็น 25% ในวันศุกร์นี้

    ส่วนสินค้านำเข้าจากจีนมูลค่า 3.25 แสนล้านดอลลาร์ สหรัฐฯ จะถูกเก็บภาษีอัตรา 25% ในอีกไม่ช้า โดยประธานาธิบดี ทรัมป์ ได้แสดงความไม่พอใจที่การเจรจาการค้าคืบหน้าช้าเกินไป ขณะที่นายโรเบิร์ต ไลท์ ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ ได้ยืนยันการจะเก็บภาษีวันศุกร์นี้เช่นกัน ซึ่งเราคาดว่าประเด็นสงครามการค้าจะกลับมาสร้างความกังวลให้กับนักลงทุนในตลาดอีกครั้ง

  • เราคาดว่าในวันที่ 8 พ.ค.นี้ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ของไทยมีแนวโน้มคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย (R/P 1 วัน) อยู่ที่ 1.75% ตามเดิม เนื่องจาก ยังไม่มีแรงกดดันจากอัตราเงินเฟ้อ และตัวเลขเศรษฐกิจไทยโดยรวมเดือน มี.ค.ชะลอตัวลงจากเดือนก่อนหน้า นอกจากนี้ยังสอดคล้องกับการที่ Fed ส่งสัญญาณไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในปีนี้เช่นกัน

  • นักลงทุนรอติดตามคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประกาศรับรองผลการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ระบบเขต 350 เขต และระบบบัญชีรายชื่อจำนวน 150 คน ในวันที่ 7 และ 8 พ.ค.นี้ ตามลำดับ จากนั้นคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มีกำหนดนำรายชื่อบุคคลซึ่งได้รับการคัดเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) 250 คน ขึ้นกราบบังคมทูล ภายใน 10 พ.ค.นี้ เพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งต่อไป