The Profile : CEO ผู้ไม่เคยหยุดความท้าทาย ‘สาธิต สุดบรรทัด’

>>

หากต้องเลือกระหว่างความมั่นคงของหน้าที่การงานในองค์กรขนาดใหญ่ กับความท้าทายในการขับเคลื่อนองค์กรที่เกิดใหม่ พร้อมหนี้สินก้อนโตที่ติดมา ไม่ต้องเดาก็คงจะรู้ว่า คุณจะเลือกทำงานกับองค์กรไหน ?


แต่สำหรับผู้บริหารอารมณ์ดี “สาธิต สุดบรรทัด” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ผลิตภัณฑ์ตราเพชร จำกัด(มหาชน) หรือ DRT กลับมองเห็นโอกาสที่คนส่วนใหญ่ไม่กล้าท้าทาย เลือกที่จะเดินจากองค์กรใหญ่อย่าง ปูนซิเมนต์นครหลวง หรือ ‘ปูนกลาง’ ออกมาสร้าง บริษัท กระเบื้องหลังคาตราเพชร หนึ่งในธุรกิจที่ปูนกลางปล่อยทิ้งจากการปรับโครงสร้างองค์กรยุควิกกฤติต้มยำกุ้ง พร้อมหนี้สินติดบริษัทมาราว 1,200 ล้านบาท


วิศวกรหนุ่มจากเทคโนฯ พระนครเหนือ ที่จบออกมาก็ได้ทำงานตามที่เรียน เป็นวิศวกรขายลิฟท์ บันไดเลื่อนให้กับบริษัทใหญ่อย่าง สยามกลการ แต่ไม่นานนัก ‘สาธิต’ ก็เลือกเรียนต่อปริญญาโทด้านการบริหารวิศวกรรม และเพิ่มความรู้ด้านการตลาด โดยเลือกวิชาเมเจอร์ เป็น Marketing Technology ที่สหรัฐอเมริกา ก่อนกลับมาร่วมงานกับปูนซิเมนต์นครหลวง ในตำแหน่งวิศวกร ประจำฝ่ายวิศวกรรม


10 ปีที่ปูนซิเมนต์นครหลวง นอกเหนือจากงานด้านปูนซิเมนต์แล้ว ‘สาธิต’ ยังได้มีโอกาสเข้าไปดูแลธุรกิจในบริษัทลูกอย่าง บริษัท นครหลวงกระเบื้องและท่อ ที่มีสินค้าหลักคือ กระเบื้องหลังคาตราเพชร  


จนถึงปี 2540 วิกฤติเศรษฐกิจก็ทำให้ปูนกลางต้องตัดทิ้งธุรกิจที่ไม่ใช่ธุรกิจหลักออกไป ซึ่งบริษัท นครหลวงกระเบื้องและท่อ ก็เป็นหนึ่งในนั้น 


สาธิต’ ซึ่งเวลานั้นถือเป็นผู้บริหารที่ดูแลนครหลวงกระเบื้องและท่อ มีทางเลือก 2 ทาง คือ หันหลังกลับไปอยู่กับปูนซิเมนต์นครหลวง หรือไปรับตำแหน่งผู้จัดการทั่วไป ในบริษัทกระเบื้องหลังคานี้กับผู้ถือหุ้นรายใหม่ 


นักการตลาดที่มีสายเลือดวิศวกร มองทางเลือกแรกว่า หากกลับไปทำงานกับปูนซิเมนต์นครหลวงที่เต็มไปด้วยผู้บริหารที่มีความสามารถ บทบาทของเขาก็คงไปได้สูงสุดเพียงแค่ผู้บริหารระดับสูงท่านหนึ่งที่ทำงานเกี่ยวกับถุงปูนไปตลอดชีวิต แต่ในธุรกิจกระเบื้องหลังคา แม้จะมีหนี้สินกองอยู่ แต่ก็มีรายได้จากการขายไหลเข้ามาปีละราว 800 ล้านบาท ถือเป็นโอกาสท้าทายการทำงานที่น่าลองมากกว่า

 

พลิก “ตราเพชร” จากติดลบสู่กำไรต่อเนื่อง


“ผมตอบรับเป็น GM ราวปี 2540-2542 คืนชื่อนครหลวงกลับไป เปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น ‘กระเบื้องหลังคาตราเพชร’ เริ่มทำการปรับโครงสร้างหนี้ จากเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ให้เป็นค่าเงินบาท เพื่อลดมูลค่าหนี้ลง ปล่อยขายทรัพย์สินบางส่วนออกไป หันมาเน้นมองเรื่องการสร้างรายได้จากสินค้าของบริษัทจำนวน 2 รายการ คือ หลังคาคอนกรีต กับ หลังคาไฟเบอร์ สร้างช่องทางจัดหน่ายให้กว้างขึ้น จากรายได้ที่มีเข้ามาทุกเดือน ทำให้หนี้ลงลด โดยใช้เวลา 2 ปี ก็เทิร์นอะราวด์จากบัญชีตัวแดง มาเป็นบัญชีตัวเขียว”



( คุณสาธิต สุดบรรทัด )

หลังผ่านวิกฤติ ‘สาธิต’ เริ่มเดินแผนขยับขยายธุรกิจ ด้วยการขยายกลุ่มสินค้าจากหลังคา สู่ผนัง เพดาน และพื้น พร้อมการวางแคมเปญสื่อสารการตลาด ทั้งหนังโฆษณา กิจกรรมการตลาด เพื่อสร้างแบรนด์ ‘ตราเพชร’ ให้เป็นที่รู้จัก และขยายช่องทางการจำหน่าย ทั้งร้านค้าตัวแทนจำหน่ายรายย่อย ห้างโมเดิร์นเทรดอุปกรณ์ก่อสร้าง กลุ่มลูกค้าโครงการ และตลาดต่างประเทศ ทำยอดขายให้กับ ‘ตราเพชร’ ให้เติบโตมาอย่างต่อเนื่อง จนสามารถนำบริษัทแต่งตัวเป็นบริษัทมหาชนเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ  


“เราเริ่มมีสินค้าที่หลากหลาย แทนที่จะมีหลังคาแค่ 2 แบบ ก็มีสินค้าเพิ่มมากขึ้น มีกลุ่มไม้สังเคราะห์เข้ามา ช่องทางการขายที่เราสร้างไว้ ก็โตขึ้น ตลาดส่งออก จากจุดเริ่มต้นไม่ถึง 1% มาถึงปัจจุบันแตะถึง 20% ลูกค้าโครงการ เมื่อก่อนไม่มีเลย วันนี้ 14-15% โมเดิร์นเทรดที่โตในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา ทั้งโกลบอลเฮ้าส์ ไทวัสดุ ก็มีสินค้า ‘ตราเพชร’ เข้าไปวางจำหน่าย ทำรายได้ราว 15% เช่นกัน ซึ่งผมเชื่อว่า ถ้าเราทำคุณภาพให้อยู่ในมาตรฐานที่ดี และทำแบรนด์ให้คนรู้จัก อย่างไรก็ไปได้” 


ในปี 2548 บริษัท กระเบื้องหลังคาตราเพชร เปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท ผลิตภัณฑ์ตราเพชร จำกัด (มหาชน) หรือ DRT เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย


“ผมอยู่ DRT มาตั้งแต่คนแรก จนวันนี้ภูมิใจที่ได้เป็น CEO เพราะบริษัทนี้ไม่เคยมีขาลง ผลประกอบการของตราเพชรไม่เคยมีขาลง เพียงแต่ไม่โตมาก ทำธุรกิจผมคิดอยู่อย่างหนึ่งคือ ต้องมีกำไร ต้องมีธรรมาภิบาลทุกอย่างที่เคยพูดไว้ นโยบายจ่ายปันผล 50% ปีนี้เข้าสู่ปีที่ 13-14 ของตราเพชร เราจ่ายปันผลเฉลี่ย 70% และไม่เคยไม่จ่าย”

 

Unity สร้างความสำเร็จ


สาธิต’ มองความสำเร็จของ DRT มาจาก Unity เป็นส่วนสำคัญ DRT ไม่ใช่บริษัทใหญ่ เป็นเพียงบริษัทขนาดกลาง แต่มีความใกล้ชิด การบริหารแบบเป็นกันเองเป็นเอกภาพ ทีมผู้บริหารมี Meeting ทุกอาทิตย์ หยิบยกปัญหาขึ้นมาให้ทุกคนเข้ามาช่วยกันหยุดปัญหา ทุกคนต้องอาสามาช่วยกันแก้ปัญหา 


“กลางปีที่แล้ว ผมบอกในที่ประชุมว่า ไตรมาสที่ 1 โตไม่ได้ตามเป้า 5% เพราะวัตถุดิบบางตัวแพงขึ้น ส่งผลไปถึงกำไรขึ้นต้นที่จะพลาดเป้าไป สิ่งที่ออกมา เมื่อถึงสิ้นปี เราโตได้เกิน 5% ที่ตั้งไว้ พร้อมรักษากำไรขั้นต้นตามเป้าไว้ได้ นี่คือความร่วมมือของพนักงานทุกคน”


ในปีที่ผ่านมา DRT ปิดยอดขายที่ 4,415 ล้านบาท และยังคงจ่ายเงินปันผลตามนโยบายไม่ต่ำกว่า 50% ได้อย่างต่อเนื่อง แต่สาธิต ในตำแหน่ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ที่กำลังจะก้าวสู่ปีที่ 20 ของการบริหาร ก็ยังสนุกกับการทำงานอยู่เหมือนวันแรกที่เข้ามา


“ผมบริหารตราเพชร มาถึงเดือนสิงหาคมนี้ ครบ 20 ปี  ยังไม่เบื่อ ผมทำงานที่นี่แล้วสนุก ผมถึงบอกว่า ผมเลือกมาถูกทาง และยังมีอีกหลายเรื่องที่เราอยากทำ”


‘สาธิต’
มองว่า ตลาดวัสดุก่อสร้างยังมีเรื่องราวใหม่ๆ ให้ค้นหา โดยเฉพาะการสร้างนวัตกรรมของสินค้าตามประสานักวิศวกรที่มีอยู่ในตัว กระเบื้องหลังคาจตุลอน นวัตกรรมของหลังคา หรือเคาน์เตอร์มวลเบาสำเร็จรูป (DIAMOND COUNTER) ซึ่งเป็นนวัตกรรมจากอิฐมวลเบา ก็ล้วนเป็นผลงานจากแนวคิดของสาธิต ที่สร้างจุดขายให้กับ ‘ตราเพชร’ ประสบความสำเร็จมาโดยตลอด


ปีนี้ ‘สาธิต’ นำ DRT ผ่านไตรมาสที่ 1/62 มาได้อย่างสวยงามเกินเป้าหมาย ด้วยตัวเลขกำไรสุทธิที่ทำสถิติใหม่ เพิ่มขึ้น 51.38% หรือคิดเป็นกำไรสุทธิ 211.93 ล้านบาท แต่ความท้าทายในไตรมาสที่ 2-3 และ 4 ก็ยังรอคอยอยู่ และเป้าหมายคือการรักษาการเติบโตอย่างต่อเนื่องไปจนถึงปี 2020 คือความยากที่ผู้บริหาร ‘สาธิต สุดบรรทัด’ พร้อมจะก้าวไปให้ถึง