นายวิชัย บุญยู้ รองกรรมการผู้ อำนวยการใหญ่ ฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท ท่าอากาศยาน ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. เปิดเผยว่าความคืบหน้าการพัฒนาที่ดินเชิงพาณิชย์รอบสนามบินสุวรรณภูมิที่ดินแปลงเอ 850-900 ไร่ และ พื้นที่แปลงบี 692-723 ไร่ เป็นพื้นที่ติดกับท่าอาศยานสุวรรณภูมิ สำหรับพื้นที่ซึ่งจะเปิดประมูลได้ก่อนในช่วงปลายปีนี้คือพื้นที่แปลงบี ขณะนี้มีเอกชนหลายรายสนใจเข้ามาลงทุน ดังนั้นทอท.จึงเตรียมเปิดเวทีรับฟังเสียงนักลงทุน (Project Sounding) เปิดโอกาสให้เอกชนที่สนใจเข้ามาเสนอโครงการเลยว่าจะลงทุนธุรกิจอะไรบ้าง ทอท.จะเลือกแผนลงทุนที่มีความเหมาะสมเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการ(บอร์ด) ทอท.ต่อไป
ก่อนดำเนินการร่างเอกสารเงื่อนไขขอบเขตการประกวดราคา(TOR) เพื่อเปิดประมูลพื้นที่เชิงพาณิชย์ ทั้งนี้โครงการที่จะเปิดประมูลได้ก่อนคือพื้นที่ทำธุรกิจขนาดเล็ก ส่วนการลงทุนขนาดใหญ่ต้องรอการลงนามสัญญาร่วมกับกรมธนารักษ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่าง ทหารอากาศ(ทอ.)และกรมท่าอากาศยาน(ทย.)
นายวิชัยกล่าวต่อว่าสำหรับการลงทุนขนาดใหญ่คงต้องมีเวลาที่เหมาะสมแก่การลงทุนราว 30 ปี ดังนั้นทอท.จึงอยู่ระหว่างเตรียมความพร้อมในการลงนามข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) กับกรมธนารักษ์เพื่อขยายเวลาการใช้พื้นที่ออกไปอีก 30 ปี จากเดิมจะสิ้นสุดในปี 2575 คาดว่าจะดำเนินได้ภายในเดือนมิ.ย.นี้ก่อนเปิด Project Sounding ต่อไป อย่างไรก็ตามด้านพื้นที่แปลงเอนั้นขณะนี้ยังไม่สามารถเปิดประมูลได้เพราะอยู่ระหว่างเปลี่ยนสีผังเมืองขณะนี้มีความคืบหน้าไปมากราว 3 ใน 4 ของทั้งหมดแล้ว แต่ยังไม่รู้จะจบเมื่อใด ทั้งนี้กิจกรรมที่ทอท.ดำเนินการให้เอกชนลงทุนได้มี 9 ด้าน ประกอบด้วย
- โรงแรม
- การขนส่งและโลจิสติกส์
- สำนักงานและศูนย์ธุรกิจ
- ร้านค้าและศูนย์การค้า
- การท่องเที่ยวและนันทนาการ
- การประชุม สัมมนา และนิทรรศการ
- ที่พักอาศัย
- การกีฬา และ
- การรักษาพยาบาล
แหล่งข่าวจากทอท.เปิดเผยว่าสำหรับการลงทุนในแปลงบีนั้นที่ผ่านมามีกลุ่มทุนขนาดใหญ่เข้ามาเจรจาขอลงทุนแล้วหลายครั้ง ล่าสุดมีกลุ่ม บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ CPN ซึ่งเป็นบริษัทขนาดใหญ่ที่เข้ายื่นประมูลโครงการพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ในสนามบินสุวรรณภูมิด้วย
นอกจากนี้ยังมีกลุ่ม บริษัทในเครือ บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด ( มหาชน) หรือ AMATA ติดต่อเข้ามาอีกด้วย สำหรับพื้นที่แปลงบีนั้นเป็นที่ว่างเปล่าไม่มีอะไรเลย ดังนั้นทอท.หรือเอกชนต้องลงทุนระบบโครงสร้างพื้นฐานอย่าง ไฟฟ้า ประปาและถนนเป็นต้น ขณะที่พื้นที่แปลงเอ มีทุกอย่างพร้อมอยู่แล้ว เหมาะสมกับการลงทุนธุรกิจเชิงท่องเที่ยวเพื่อรับนักท่องเที่ยว และธุรกิจที่มีช่วงคืนทุน (break-even) ไม่ยาวมาก อย่างร้านค้าปลีกและธุรกิจบริการ ส่วนการประเมินพื้นที่ดังกล่าวคาดว่าจะมีการลงทุนรวมกันราว 1 หมื่นล้านบาท
