นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว เมื่อวันที่ 27 พ.ค. 2562 ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ได้รับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์รายงานว่าขณะนี้คณะอนุกรรมการพิจารณาระบายข้าว ที่ถูกตั้งขึ้นและทำหน้าที่มาตั้งแต่ปี 2557 ได้ทำหน้าที่เสร็จสิ้นแล้ว โดยดำเนินการะบายข้าวที่อยู่ในสต๊อกของรัฐที่มาจากโครงการต่างๆ จากรัฐบาลที่ผ่านๆ มาเช่นโครงการรับจำนำข้าว รวมแล้วประมาณ 18 ล้านตัน ไปเกือบหมดแล้ว

“ตอนนี้บอกได้ว่าสต๊อกข้าวของรัฐได้ถูกระบายออกไปเกือบหมดแล้ว ที่เหลืออยู่น้อยมากจึงให้เป็นหน้าที่ของ อตก. และ อคส. ให้ดำเนินการต่อไป คือข้าวที่เหลือยู่อยู่ในความดูแลของหน่วยงานใดก็รับหน้าที่ระบายไป” นายบุญฤทธิ์ กล่าว

ทั้งนี้แม้ภารกิจของคณะอนุกรรมการพิจารณาระบายข้าวจะเสร็จสิ้นแล้ว ก็ไม่จำเป็นว่าการดำเนินการในส่วนของคณะอนุกรรมการปิดบัญชีโครงการรับจำนำสินค้าเกษตร ที่อยู่ในความดูแลของกระทรวงการคลัง จะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จพร้อมกัน เพราะส่วนของการปิดบัญชีอาจใช้เวลาในการดำเนินการและมีข้อมูลจากหลายส่วน

พร้อมกันนี้ที่ประชุมได้รับทราบการประเมินผลผลิตข้าวในปีการผลิต 2562/63 ว่าจะอยู่ที่ 34.1 ล้านตัน และคาดว่าจะมีความต้องการอยู่ที่ 32.48 ล้านตัน โดยในนี้จะเป็นส่วนที่จะส่งออก 10 ล้านตัน แต่ในส่วนของผลผลิตนั้นจะต้องพิจารณาระดับราคาในตลาดอีกครั้ง ถ้าพบว่าราคาตกต่ำลงก็อาจลดพื้นที่ปลูกในรอบการปลูกข้าวนาปรังได้

นายบุญยฤทธิ์ กล่าวว่า ที่ประชุมได้เห็นชอบการแก้ไขปัญหาเกษตกรที่ตกหล่นเข้าร่วมโครงการช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยวและปรับปรุงคุณภาพข้าว ปีการผลิต 2559/60 และจะเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)ในวันที่ 28 พ.ค. 2562 นี้ โดยมีสาระสำคัญคือการขออนุมัติงบประมาณ 180.25 ล้านบาท เพื่อจ่ายเงินช่วยเหลือให้แก่เกษตรกรที่ได้รับเงินช่วยเหลือไม่ครบตามสิทธิ 28,792 ราย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเกษตรกรในจ.สงขลาที่ประสบอุทกภัยและไม่สามารถขึ้นทะเบียนไม่ทัน

ด้าน ร.ต.ท.เจริญ เหล่าธรรมทัศน์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่า ที่ประชุม นบข.รับทราบเกี่ยวกับแผนระบายข้าวที่ อคส.และ อ.ต.ก.เสนอทั้งข้าวเก่า และข้าวอยู่ระหว่างตรวจเช็คข้อมูลทางบัญชี 9.4 แสนตัน ทั้ง 2 หน่วยงานพบเอกสารต่างๆที่เกี่ยวข้องกับข้าวจำนวนดังกล่าวแล้ว และบางส่วนระบายออกไปก่อนหน้านี้แล้ว โดยคาดว่าข้าวที่เหลือจะทำการระบายให้หมดจากบัญชีอย่างช้า 31 ก.ค.นี้ หากข้าวค้างในประเทศหมดจากสต๊อกเรียบร้อยก็จะเป็นสัญญาณดีต่อประเทศไทย เพราะขณะนี้ความต้องการข้าวในตลาดโลกยังมีสูง