สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่าได้ดำเนินคดีกับอดีตผู้ช่วยผู้สอบบัญชี สังกัด บริษัท สำนักงาน อีวาย จำกัด (บริษัท อีวาย)
- นายวโรตม์ หน่อแก้ว
- นางสาวจีรนันท์ บูรณรักษ์ กรณีนำข้อมูลร่างงบการเงินของบริษัทจดทะเบียนที่เป็นลูกค้าซึ่งผ่านการสอบบัญชีแล้ว แต่ยังไม่ได้เปิดเผย ไปใช้ซื้อขายหลักทรัพย์และสัญญาซื้อขายล่วงหน้า
- นางสาวจีราภรณ์ บูรณรักษ์ กรณีนำข้อมูลดังกล่าวไปเปิดเผยต่อบุคคลอื่น
การกระทำข้างต้นเป็นการใช้ข้อมูลภายในที่เกี่ยวข้องกับบริษัทจดทะเบียนรวม 12 บริษัท และเป็นความผิดที่ต้องรับโทษตามมาตรการลงโทษทางแพ่ง ทั้งนี้ ก.ล.ต. ได้ติดตาม และบริษัท อีวาย ได้ปรับปรุงระบบควบคุมคุณภาพงานสอบบัญชีให้รัดกุมขึ้นแล้ว
ก.ล.ต. ระบุว่า ได้รับข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และเข้าตรวจสอบเชิงลึกเพิ่มเติม พบการซื้อขายหลักทรัพย์และสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่ผิดปกติของ นายวโรตม์ และนางสาวจีรนันท์ อดีตผู้ช่วยผู้สอบบัญชี สังกัด บริษัท อีวาย ซึ่งเกิดจากการเข้าถึงระบบข้อมูลร่างงบการเงิน ที่ผ่านการสอบบัญชีแล้วที่สายงานของนายวโรตม์และนางสาวจีราภรณ์รับผิดชอบ แต่ยังไม่ได้เปิดเผย และนำไปซื้อขายหลักทรัพย์หรือสัญญาซื้อขายล่วงหน้า รวม 12 บริษัท ในช่วงปี 2558-2560
ร่างงบการเงินดังกล่าวส่วนมากแสดงถึงผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ อันน่าจะเป็นผลให้ราคาหลักทรัพย์สูงขึ้น การใช้ข้อมูลภายในซื้อขายหลักทรัพย์หรือสัญญาซื้อขายล่วงหน้าดังกล่าว ส่วนหนึ่งเกิดจากการที่ นางสาวจีราภรณ์ อดีตผู้ช่วยผู้สอบบัญชี ซึ่งเป็นพี่สาวของนางสาวจีรนันท์ ได้เปิดเผยข้อมูลร่างงบการเงินที่สายงานของตนรับผิดชอบให้แก่นางสาวจีรนันท์ โดยรู้หรือควรรู้ว่าบุคคลดังกล่าวจะนำข้อมูลนั้นไปใช้ประโยชน์ ทั้งนี้ คณะกรรมการพิจารณามาตรการลงโทษทางแพ่ง (ค.ม.พ.) มีมติให้ ก.ล.ต. นำมาตรการลงโทษทางแพ่งมาใช้บังคับกับผู้กระทำความผิดทั้ง 3 ราย โดยกำหนดให้
- นายวโรตม์ ชำระค่าปรับทางแพ่ง ส่งคืนผลประโยชน์ที่ได้รับจากการกระทำความผิด และชดใช้ค่าใช้จ่ายเนื่องจากการตรวจสอบการกระทำความผิด รวมเป็นเงินจำนวน 7,660,441 บาท
- นางสาวจีรนันท์ ชำระค่าปรับทางแพ่ง ส่งคืนผลประโยชน์ที่ได้รับจากการกระทำความผิด และชดใช้ค่าใช้จ่ายเนื่องจากการตรวจสอบการกระทำความผิด รวมเป็นเงินจำนวน 4,645,951 บาท
- และนางสาวจีราภรณ์ ชำระค่าปรับทางแพ่งและชดใช้ค่าใช้จ่ายเนื่องจากการตรวจสอบการกระทำความผิด รวมเป็นเงินจำนวน 1,530,485 บาท
นอกจากนี้ ค.ม.พ. ได้กำหนดห้ามบุคคลทั้ง 3 ราย เป็นกรรมการหรือผู้บริหารของบริษัทที่ออกหลักทรัพย์หรือบริษัทหลักทรัพย์กระทงละ 5 ปี อย่างไรก็ดี เมื่อคำนึงถึงระยะเวลาสูงสุดในการห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหารตามมาตรา 317/4(4) แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์ที่แก้ไขโดยฉบับที่ 5 ค.ม.พ. กำหนดระยะเวลาห้ามผู้กระทำความผิดทั้ง 3 ราย เป็นกรรมการหรือผู้บริหารของบริษัทที่ออกหลักทรัพย์หรือบริษัทหลักทรัพย์ เป็นเวลารายละ 10 ปี
ทั้งนี้ หากผู้กระทำความผิดไม่ยินยอมปฏิบัติตามมาตรการลงโทษทางแพ่งที่ ค.ม.พ. กำหนด ก.ล.ต. จะมีหนังสือขอให้พนักงานอัยการดำเนินการฟ้องเป็นคดีต่อศาลแพ่ง เพื่อขอให้ชำระเงินค่าปรับทางแพ่ง ห้ามเข้าซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์หรือเข้าผูกพันตามสัญญาซื้อขายล่วงหน้าในศูนย์ซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้า และห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหารในบริษัทที่ออกหลักทรัพย์หรือบริษัทหลักทรัพย์ ตามอัตราสูงสุดที่กฎหมายกำหนด รวมทั้งขอให้ส่งคืนผลประโยชน์ที่ได้รับจากการกระทำความผิด และชดใช้ค่าใช้จ่ายเนื่องจากการตรวจสอบการกระทำความผิด
สำหรับในด้านการกำกับดูแลผู้สอบบัญชี ก.ล.ต. จะเก็บพฤติกรรมความผิดดังกล่าวของนายวโรตม์ นางสาวจีรนันท์ และนางสาวจีราภรณ์ ไว้ประกอบการพิจารณาในกรณีที่ผู้กระทำผิดทั้งสามยื่นขอความเห็นชอบเป็นผู้สอบบัญชีต่อ ก.ล.ต. เป็นเวลา 10 ปี และได้ส่งเรื่องให้คณะกรรมการจรรยาบรรณ สภาวิชาชีพบัญชี ในพระบรมราชูปถัมภ์ พิจารณากรณีจรรยาบรรณของผู้ประกอบวิชาชีพบัญชีต่อไปด้วย
อนึ่ง โดยที่การกระทำผิดของบุคคลทั้ง 3 รายดังกล่าว ส่วนหนึ่งเกิดจากระบบควบคุมคุณภาพงานสอบบัญชีของบริษัท อีวาย ในการรักษาข้อมูลลับของลูกค้า ก.ล.ต. จึงให้บริษัท อีวาย ปรับปรุงระบบดังกล่าวให้รัดกุมมากยิ่งขึ้นแล้ว
นอกจากนี้ ก.ล.ต. ได้มีหนังสือเวียนให้สำนักงานสอบบัญชีในตลาดทุนทุกแห่งให้ความสำคัญมากขึ้นกับการจัดให้มีระบบควบคุมคุณภาพงานสอบบัญชีในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการรักษาความลับของลูกค้า โดย ก.ล.ต. จะติดตามดูแลระบบควบคุมคุณภาพงานสอบบัญชีของสำนักงานสอบบัญชีในตลาดทุนทุกแห่งอย่างใกล้ชิด เพื่อรักษาความน่าเชื่อถือ และความเป็นธรรมในตลาดทุนต่อไป