การเลือกตั้งในยุคดิจิทัลที่อะไรๆ ก็รวดเร็ว และสามารถขุดข้อมูลได้ทั้งหมด ยิ่งทำให้การตรวจสอบของประชาชนยิ่งคึกคักตามไปด้วย สังเกตได้จากยอดไลฟ์เปิดประชุมสภาฯ ไม่เพียงแค่แม็ตช์การเลือกตั้งเท่านั้น แต่เชื่อว่าหลังจากนี้ ประชาชนจะจับตา “การทำงาน” ของรัฐบาลทุกฝีก้าว
บรรยากาศการเมืองในประเทศเคลื่อนไหว แล้วราคาหุ้นล่ะ?
สถิติเดิม บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) บัวหลวง จำกัด ให้ข้อมูลว่า จากสถิติย้อนหลัง 10 ปี หุ้นจะขึ้นช่วง 3 เดือนทั้งก่อนและหลังเลือกตั้ง หากย้อนไป 10 ปี จะพบหุ้น 2 กลุ่ม ที่ผลการดำเนินงานแอคทีฟมากที่สุด นั่นคือ
- กลุ่มพาณิชย์ (Commercial) อยู่ที่ระดับ 7.2% โดยสถิติ 10 ครั้ง พบว่าหุ้นขึ้นหลังเลือกตั้งทั้ง 10 ครั้งเลย!
- กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม (Food) พบว่าผลการดำเนินงานหลังการเลือกตั้ง ปรับเพิ่มขึ้น 6.9% จากสถิติ 10 ครั้ง พบว่าหุ้นขึ้นหลังเลือกตั้ง 9/10 ครั้ง
ขณะเดียวที่ “วิน อุดมรัชตวนิชย์” ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ KTBST มองประเด็นการเมืองในประเทศว่า ตลาดหุ้นอาจจะปรับตัวขึ้นไม่แรงมากนัก โดยช่วงเวลาขณะนี้ นักลงทุนรอเลือกนายกรัฐมนตรีและทีมรัฐบาลใหม่ จากการจัดตั้งรัฐบาลของพรรครวมต่างๆ
ประเมินว่าพรรคพลังประชารัฐ จะเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างมาก ประมาณ 253-260 เสียง เพราะฉะนั้นด้วย “เสียง” ที่ไม่ทิ้งห่างกับพรรคฝ่ายค้านมากนัก หุ้นจึงไม่ได้ตอบรับมากในช่วงนี้ เนื่องจากสะท้อนถึงเสถียรภาพรัฐบาลที่ไม่สูง!
โฉมหน้าคณะรัฐมนตรีใหม่
ผู้เขียนลองจำลอง “ที่นั่งรัฐมนตรี” ขึ้นคร่าวๆ โดยอิงจากจำนวนที่นั่งคณะรัฐมนตรี 36 ที่นั่ง ตามกฎหมาย โดยลบจำนวนรัฐมนตรีที่ลาออกไปนั่งเก้าอี้วุฒิสภา จึงคาดการณ์ว่าจะมีรัฐมนตรี 14 ที่นั่ง (เจ้าเก่าหน้าเดิม) ส่วนที่เหลือคือมาจากการจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคพันธมิตร
อย่างไรก็ตามถ้าวัดจากสถิติ แม้หุ้นจะพุ่งช่วงก่อน-หลังเลือกตั้ง แต่ “ประกิต สิริวัฒนเกตุ” นักวิเคราะห์อิสระบอกกับ Wealthy Thai ว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ค่อนข้างพิเศษ “วัดจากสถิติไม่ได้” เนื่องจากความชัดเจนการจัดตั้งรัฐบาลภายหลังการเลือกตั้ง ค่อนข้างล่าช้ามากๆ เกิดสภาวะที่เรียกว่า Error ขึ้น แต่ตลาดหุ้นได้ปรับฐานมาแล้วในช่วงก่อนหน้านี้ จึงน่าจะทนแรงเสียดทานจากภายนอก โดยเฉพาะสงครามการสหรัฐ-จีนด้วย
แม้การจัดตั้งรัฐบาลจะล่าช้า แต่ประกิตให้ความเห็นว่า ช่วงหลังจากนี้ตลาดหุ้นจะนิ่งขึ้น ไม่แพนิคเหมือนที่ผ่านๆ มา แต่ถ้าจะรอปรากฎการณ์หุ้นขึ้นช่วงนั้นช่วงนี้ เช่น หลัง 3 เดือนหลังการเลือกตั้ง อาจจะเป็นไปได้ยาก
ส่วนหุ้นกลุ่มที่ได้รับประโยชน์ ที่จะไกด์ไว้ให้นักลงทุน มี 3 กลุ่ม คือ ค้าปลีก รับเหมาก่อสร้างและนิคมอุตสาหกรรม
ทั้งนี้แม้ว่าหุ้นปีนี้ค่อนข้างจะผันผวนตามสถานการณ์ แต่สิ่งหนึ่งที่ใช้ได้เสมอในการเลือกหุ้นคือ เลือกหุ้นรายตัว หรือ Selective Buy เพราะการเล่นหุ้นจะต้องดูจังหวะ เช่นเดียวกับการแล่นเรืออออกจากฝั่ง ก็ต้องดูทิศทางลมให้ดี!
ที่มา : บทวิเคราะห์ประจำปี บล.บัวหลวง บทวิเคราะห์รายสัปดาห์บล.เคทีบี