“กอง DIF”...เดินหน้าลงทุนเพิ่มครั้งที่ 4 มูลค่ารวมไม่เกิน 15,800 ล้านบาท

>>

กอง DIF”...เตรียมลงทุนเพิ่มครั้งที่4 ในสินทรัพย์โครงสร้างพื้นฐานกลุ่ม TRUE’ มูลค่ารวมไม่เกิน 15,800 ล้านบาท โดยจะเพิ่มทุนจดทะเบียนกองทุนไม่เกิน15,800 ล้านบาท และเสนอขายหน่วยลงทุนเพิ่มทุนใหม่ไม่เกิน 1,050 ล้านหน่วย ให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนเดิม เพิ่มศักยภาพหนุนอัตราผลตอบแทนระยะยาว เตรียมขออนุมัติที่ประชุม EGM 21มิ..นี้


นายณรงค์ศักดิ์
 ปลอดมีชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.ไทยพาณิชย์ จำกัด ในฐานะบริษัทจัดการของ กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม ดิจิทัล (DIF)’ เปิดเผยว่า  กอง DIF’ เป็นกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมที่จัดตั้งขึ้นเป็นรายแรกและเป็นรายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เพื่อเข้าลงทุนในทรัพย์สินโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมทั่วประเทศ เช่น เสาโทรคมนาคม ระบบใยแก้วนำแสง อุปกรณ์สื่อสัญญาณ ระบบบรอดแบนด์ ล่าสุดกอง DIF’ เตรียมเข้าลงทุนในทรัพย์สินกิจการโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมเพิ่มเติมครั้งที่ 4 มูลค่ารวมทั้งสิ้นไม่เกิน 15,800 ล้านบาท 


การเข้าลงทุนเพิ่มเติมครั้งนี้ สอดคล้องกลยุทธ์การสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่องของกองทุนที่มุ่งแสวงหาโอกาสการเข้าลงทุนในทรัพย์สินกิจการโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม โดยเพิ่มเติมมูลค่าทรัพย์สินกองทุน เพื่อจัดหาผลประโยชน์และเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทนการลงทุนให้แก่ผู้ถือหน่วยในระยะยาว อีกทั้งยังเป็นการรองรับการขยายตัวของอุตสาหกรรมโทรคมนาคมที่มีการแข่งขันที่สูงในยุคดิจิทัลที่กำลังจะย่างเข้าสู่ 5G ในอนาคต รับมือกับปริมาณความต้องการใช้อินเทอร์เน็ตในประเทศไทยที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี


นายณรงค์ศักดิ์ ปลอดมีชัย )


ปัจจุบัน
กอง DIF’ เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์และสิทธิการรับประโยชน์จากรายได้สุทธิในเสาโทรคมนาคม15,271 เสา เจ้าของกรรมสิทธิ์ สิทธิการเช่าระยะยาวและสิทธิการรับประโยชน์จากรายได้สุทธิในใยแก้วนำแสงประมาณ 2.7 ล้านคอร์กิโลเมตร และกรรมสิทธิ์ในระบบบรอดแบนด์ในเขตพื้นที่ต่างจังหวัด 1.2 ล้านพอร์ต โดยมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ ( 31 มี.. 19) อยู่ที่ 150,289.60  ล้านบาท  


นายณรงค์ศักดิ์
  ยังกล่าวอีกว่า ทรัพย์สินกิจการโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมที่กอง DIF’ จะเข้าลงทุนเพิ่มเติมครั้งที่ 4 จากกลุ่ม TRUE’ ประกอบไปด้วย

  1. การลงทุนในกรรมสิทธิ์ในเสาโทรคมนาคมรวม 788 เสา แบ่งเป็นเสาที่ตั้งอยู่บนพื้นดิน 749 เสาและเสาที่ตั้งอยู่บนดาดฟ้าจำนวนประมาณ 39 เสา โดยเสาดังกล่าวพร้อมใช้งานและส่วนใหญ่ถูกสร้างขึ้นมาไม่เกิน 1 ปี

  2. กรรมสิทธิ์ในใยแก้วนำแสง (Fiber Optic Cable หรือ FOC) ซึ่งปัจจุบันใช้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในเขตพื้นที่ต่างจังหวัด ระยะทางประมาณ 1,795 กิโลเมตร (ประมาณ 107,694 คอร์กิโลเมตร)

  3. กรรมสิทธิ์ใน FOC ซึ่งปัจจุบันใช้รองรับเทคโนโลยีระบบ FTTx สำหรับให้บริการอินเทอร์เน็ตและบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ตในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และต่างจังหวัด รวมระยะทางประมาณ 315 กิโลเมตร (ประมาณ40,823 คอร์กิโลเมตร) และประมาณ 617 กิโลเมตร (ประมาณ 37,505 คอร์กิโลเมตร) ตามลำดับ

  4. กรรมสิทธิ์ ใน FOC ซึ่งปัจจุบันใช้รองรับเทคโนโลยีระบบ FTTx สำหรับให้บริการอินเทอร์เน็ตและบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ตในเขตพื้นที่ต่างจังหวัด รวมระยะทางประมาณ 2,797 กิโลเมตร (ประมาณ 109,704 คอร์กิโลเมตร)


ทั้งนี้การเข้าลงทุนในทรัพย์สินกิจการโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมเพิ่มเติมครั้งที่ 4 จะทำให้ประมาณการเงินปันผลส่วนแบ่งกำไรต่อหน่วยลงทุนของกองทุน DIF (Cash Distribution Per Unit หรือ DPU) ภายหลังการเข้าลงทุน ไม่ต่ำไปกว่า DPU ในกรณีที่กองทุน DIF ไม่ได้เข้าลงทุนเพิ่มเติมครั้งที่ 4 จัดทําโดยบริษัทจัดการและตรวจสอบโดยผู้สอบบัญชีที่ได้รับอนุญาตทําประมาณการสําหรับช่วงเวลาตั้งแต่วันที่ 1 .. 19 -  30 .. 20”


สำหรับแหล่งเงินที่ใช้ในการลงทุนเพิ่มเติมครั้งนี้
จะมาจากการเพิ่มทุนจดทะเบียนทั้งจำนวน โดยกองทุน DIF จะดำเนินการเพิ่มเงินทุนจดทะเบียนในจํานวนรวมไม่เกิน 10,500,000,000 บาท จากเดิมที่มีทุนจดทะเบียน 96,379,430,540 บาท มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หน่วยละ 10 บาท เป็นทุนจดทะเบียนไม่เกิน 106,879,430,540 บาท โดยออกและเสนอขายหน่วยลงทุนใหม่จำนวนไม่เกิน 1,050 ล้านหน่วย แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนเดิมที่มีรายชื่อปรากฏในสมุดทะเบียนผู้ถือหน่วยลงทุนตามสัดส่วนการถือหน่วยลงทุน ซึ่งจะกำหนดการเสนอขายหน่วยลงทุนต่อไป


ทั้งนี้กอง DIF’ จะเสนอให้ที่ประชุมผู้ถือหน่วยลงทุนเห็นชอบอนุมัติ ในที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหน่วยลงทุนกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม ดิจิทัล ครั้งที่ 1/2019 ที่กำหนดจัดขึ้นในวันที่ 21 มิ.. 19 ตั้งแต่ 09.30 .เป็นต้นไป ห้องแกรนด์บอลรูม ชั้น 2 โรงแรมแชงกรีล่า กรุงเทพฯ หลังกำหนดรายชื่อผู้ถือหน่วยลงทุนที่มีสิทธิ์เข้าร่วมประชุมวิสามัญผู้ถือหน่วยลงทุนครั้งที่ 1/2019 (Record Date) วันที่ 28 .. 19”


..วีณา เลิศนิมิตร ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงาน Investment Banking บมจ.ธนาคารไทยพาณิชย์ ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า การเข้าลงทุนเพิ่มเติมครั้งที่ 4 จะเพิ่มศักยภาพและโอกาสสร้างรายได้เพิ่มเติมแก่กองทุน DIF รวมถึงเพิ่มการกระจายตัวของทรัพย์สินที่ครอบคลุมทั่วประเทศยิ่งขึ้น รองรับแนวโน้มการขยายตัวของภาพรวมธุรกิจโทรคมนาคมและอินเทอร์เน็ตในประเทศไทย นอกจากนี้ยังช่วยเสริมสภาพคล่องซื้อขายหน่วยลงทุนและเพิ่มโอกาสที่ผู้ถือหน่วยลงทุนจะได้รับผลตอบแทนที่ดีในระยะยาวอีกด้วย


( น..วีณา เลิศนิมิตร )


ส่วนผลการดำเนินงานกองทุน
 DIF ย้อนหลัง 3 ปี (ปี 2559 – 2561) สามารถจ่ายเงินปันผลส่วนแบ่งกำไรต่อหน่วยลงทุนแก่ผู้ถือหน่วยได้อย่างสม่ำเสมอ โดยประกาศจ่ายเงินปันผลส่วนแบ่งกำไรต่อหน่วยลงทุนทุกไตรมาส รวมต่อปีเป็นอัตรา 0.956, 0.975 และ 1.016 บาทต่อหน่วยตามลำดับ ทั้งนี้ คาดว่าภายหลังการเข้าลงทุนเพิ่มเติมครั้งที่ 4 กองทุน DIF จะสามารถจัดหาผลประโยชน์จากทรัพย์สินส่วนใหญ่ที่ลงทุนเพิ่มเติมโดยการให้เช่าระยะยาวแก่ผู้เช่าหลักคือกลุ่มทรู ซึ่งปัจจุบันเป็นหนึ่งในผู้ให้บริการสื่อสารโทรคมนาคมรายใหญ่ของประเทศ