BDMS หุ้นบลูชิพขวัญใจนักลงทุนต่างชาติ กับการเติบโตที่มากกว่าธุรกิจโรงพยาบาล
>>
หุ้นบลูชิพในตลาดหุ้นไทย หรือหุ้นที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (มาร์เก็ตแค็ป) เกินระดับแสนล้านบาท อาจจะมีอยู่หลายตัว แต่หนึ่งในหุ้นที่ติดอันดับ Most Active Top 10 เกือบทุกวัน และอยู่ในความสนใจของนักลงทุนต่างชาติมาโดยตลอดนั่นก็คือ “BDMS” หรือบริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน)
วันนี้ Wealthy Thai จะมาเล่าให้ฟังว่า อะไรเป็นปัจจัยสนับสนุนหุ้นตัวนี้ยังโดดเด่น เมื่อเทียบกับหุ้นตัวอื่นๆ ในกลุ่มโรงพยาบาล
BDMS เริ่มต้นถูกจับจองในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา หลังจากการลงทุนหมื่นล้านบาทที่ “หมอเสริฐ” หรือนพ.ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ ประธานคณะผู้บริหารและกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ใช้เงิน 10,800 ล้านบาท ซื้อโรงแรมสวิสโซเทล ปาร์คนายเลิศ บนถนนวิทยุ ที่มีเนื้อที่กว่า 15 ไร่ เพื่อแปลงโฉมเป็นรีสอร์ทสุขภาพ BDMS Wellness Clinic
และก้าวสำคัญ BDMS ที่จะสร้างการเติบโตในระยะยาวคือ การลงทุนร่วมกับ “เมอเวนพิค โฮเทลส์ แอนด์ รีสอร์ท” โรงแรมสัญชาติสวิตเซอร์แลนด์ ที่จะเปิดบริการปลายเดือนมิถุนายน 2562 เพื่อขับเคลื่อนศูนย์สุขภาพเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าในระยะยาว
BDMS สุดยอดหุ้นเกาะเมกะเทรนด์
ก็เพราะว่าในแผนพัฒนาสุขภาพแห่งชาติ ฉบับที่ 12 (พ.ศ. 2560-2564) ระบุว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่ 3 รองจากญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ที่คนสูงอายุเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ความต้องการเฉพาะทางด้านการแพทย์และการดูแลสุขภาพจึงเพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัวแน่ๆ
สอดคล้องกับคาดการณ์ในแผนฯ ที่ระบุว่าค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพของผู้สูงอายุจะเพิ่มขึ้นเป็น 228,000 ล้านบาท ในปี 2565 หรือคิดเป็น 2.8% ของอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) เมื่อเทียบกับ 9 ปีก่อน ที่มีค่าใช่จ่ายด้านสุขภาพ 63,000 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 165,000 ล้านบาท เฉลี่ยปีละ 18,333 ล้านบาทเลยทีเดียว
ดังนั้นไม่ใช่แค่เราป่วยแล้วเข้าโรงพยาบาล แต่แนวโน้มในอนาคตคนจะให้ความสำคัญกับ Well Being มากขึ้นด้วย การสร้างแลนมาร์คเป็น “ศูนย์สุขภาพครบวงจร” แห่งแรกในเอเชีย ทำให้ BDMS ได้เปรียบอยู่พอสมควร ขณะที่เจ้าอื่นทุ่มให้กับนวัตกรรม แต่ BDMS หันมาให้ความสำคัญกับบริการทางการแพทย์ ที่เน้นไลฟ์สไตล์คนมากขึ้น ทำให้การเข้าโรงพยาบาลไม่ใช่เรื่องน่ากลัวอีกต่อไป
ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว..
นอกจากนี้ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองแนวโน้มธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนไว้ว่า กลุ่มตลาดคนไข้ต่างชาติยังขยายตัวตัวต่อเนื่อง ประเมินว่าปี 2561 ที่ผ่านมา มีคนไข้ต่างชาติเข้ามารักษาพยาบาลประมาณ 3.42 ล้านครั้ง แบ่งเป็น
- กลุ่ม Medical Tourism ประมาณ 5 ล้านครั้ง
- กลุ่ม EXPAT (ต่างชาติที่มาทำงานในไทย) ประมาณ 2 แสนครั้ง
การที่บริษัทสามารถเกาะกระแสการรักษาและการดูแลสุขภาพทั้งในกลุ่มลูกค้าในประเทศและต่างประเทศได้ดีทำให้ไตรมาส 1 ที่ผ่านมา บริษัทมีรายได้รวม 28,693 ล้านบาท กำไรสุทธิ 8,438.97 ล้านบาท จากค่ารักษาพยาบาลที่เพิ่มขึ้น 5% ตามความซับซ้อนของโรคในโรงพยาบาลหลักทั้ง 10 แห่ง โดยปัจจุบัน BDMS ดำเนินการภายใต้ชื่อโรงพยาบาล 6 กลุ่ม ประกอบด้วย
- กลุ่มโรงพยาบาลกรุงเทพ
- กลุ่มโรงพยาบาลสมิติเวช
- โรงพยาบาลบีเอ็นเอช
- กลุ่มโรงพยาบาลพญาไท
- กลุ่มโรงพยาบาลเปาโล
- กลุ่มโรงพยาบาลรอยัล
ในด้าน “ผู้ถือหุ้น” ก็ค่อนข้างแข็งแกร่งพอสมควร นอกจากกลุ่มปราสาททองโอสถ ถือหุ้นรวมกันมากกว่า 20% แล้ว ผู้ถือหุ้น 10 อันดับแรก มีนักลงทุนสถาบันขนาดใหญ่ที่น่าเชื่อถืออยู่ด้วยทั้ง วิริยะประกันภัยและสำนักงานประกันสังคม และมีการถือครองของนักลงทุนต่างชาติสูงถึง 17 %
นักวิเคราะห์มองหุ้นตัวนี้ยังไง
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ม (ประเทศไทย) แนะนำซื้อที่ราคา 30 บาท (สูงกว่า ราคาปัจจุบันประมาณ 20%) เนื่องจากมองว่าหุ้น BDMS กระจายความเสี่ยงได้ดี มีกำไรต่อหุ้นที่แข็งแกร่ง และมีพอร์ตการลงทุนที่หลากหลาย จากสัดส่วนรายได้ผู้ป่วยชาวไทย 67% ผู้ป่วยต่างชาติ 33% และถ้าแบ่งตามพื้นที่ มีรายได้กรุงเทพฯ 57% ต่างจังหวัด 43% ทั้งนี้คาดว่า BDMS จะ มีอัตราการเติบโตเฉลี่ยของกำไรต่อหุ้นที่ 15% ในช่วงปี 2561-2564 เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงปี 2557-2561 ที่มีอัตราการเติบโตเฉลี่ยของกำไรต่อหุ้นที่ 9%
บล.เคจีไอ แนะนำซื้อที่ราคา 32.20 บาท ประเมินกำไรสุทธิปีนี้ไว้ 9,900 ล้านบาท (ปรับเพิ่มขึ้น 8%) และคาดว่าจะเติบโตต่อเนื่อง โดยประเมินกำไรสุทธิ2563 ไว้ที่ 10,600 ล้านบาท จากปัจจัยบวกที่ BDMS ขยายโรงพยาบาลสมิติเวชรองรับผู้ป่วยชาวญี่ปุ่น (รูปแบบโรงพยาบาล Greenfield ขนาด 36 เตียง) ซึ่งตั้งอยู่ตรงข้ามโรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท โดยเพิ่งเปิดบริการเต็มรูปแบบเมื่อวันที่ 4 มิถุนายนที่ผ่านมานี้เอง
บล.ฟินันเซีย ไซรัส แนะนำซื้อที่ราคา 28 บาท จากการเปิดโรงแรม Movenpick BDMS Wellness Resort และ Bangkok International Hospital (Phoenix) ในช่วงกลางปี ซึ่งเป็นการลงทุนค่อนข้างใหญ่ แม้ว่าในระยะสั้นมีโอกาสถูกกดดันจากผลขาดทุนในช่วงเริ่มแรกบ้าง แต่รายได้ไตรมาสแรกที่ผ่านมาสูงกว่าที่ฟินันเซียฯ และตลาดคาดการณ์ไว้ถึง 10%
บล.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ แนะนำซื้อที่ราคา 28 บาท ภายใต้ประมาณการกำไรสุทธิปีนี้ใหม่ที่ 15,962 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.4% ขณะที่กำไรปกติอยู่ที่ 10,440 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.4% เพราะยังเชื่อว่าผู้บริหารเล็งเห็นปัญหาของ Occupancy rate ที่ต่ำกว่าปกติในงวดไตรมาส 1/2562 และพยายามแก้ไขจุดบอดดังกล่าวให้ดีขึ้นได้
อย่างไรก็ตามแม้ว่าโบรกฯ จะเชียร์ซื้อ ที่อย่างที่รู้ดีกันว่าหุ้นกลุ่มโรงพยาบาล มีความเสี่ยงเรื่องปัจจัยเศรษฐกิจและการเมืองในประเทศ ระหว่างที่รอ BDMS Wellness Clinic คืนทุน ก็ต้องดูจังหวะการลงทุนให้ดี…
ที่มา
รายงานผลประกอบการไตรมาส 1/2562 และรายงานประจำปี 2561 ของBDMS, บทวิเคราะห์หุ้น BDMS จาก Settrade, และ https://www.prachachat.net/