คิดจะเก็บเงินเพื่อเกษียณ...อย่าลืม “3 แหล่ง-สุดคุ้ม”
>>
ในครั้งที่แล้วได้พาไปพบกับแหล่งเงินเกษียณทั้ง 3 ที่จะเรียกว่าเป็นสิทธิตามกฎหมายก็คงไม่ผิดนัก ทั้ง ‘เงินประกันสังคม-เงินชดเชยแรงงาน-เบี้ยผู้สูงอายุ’
ครั้งนี้จะมาว่ากันต่อถึงแหล่งเงินเพื่อเกษียณอีก 3 แหล่ง ที่ถือว่า ‘คุ้มสุดคุ้ม’ เป็นแพคเกจที่มาพร้อมแต้มต่อเป็น “ประโยชน์ทางภาษี” ยืนพื้นมาให้เพราะเป็นเรื่องที่ภาครัฐให้การสนับสนุน และหากเลือกได้ดีก็จะมีผลตอบแทนส่วนเพิ่มแถมมาให้อีกด้วย
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ถือเป็นแหล่งเงินเกษียณที่คุณต้อง ‘สมัครใจ’ เก็บไว้ให้กับตัวเอง ‘ไม่เก็บ...ก็ไม่มี’
“กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ”...เก็บ 1 ได้ถึง 4
จัดอยู่ในทำเนียบการเก็บเงินเพื่อเกษียณ ‘สุดคุ้ม’ อันดับหนึ่งเลยก็ว่าได้ บริษัทไหนมี “กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (Provident Fund :PVD)” ให้ ต้องรีบสมัครเป็นสมาชิกกองทุนทันที ห้ามพลาดเด็ดขาด นี่ถือเป็นการพาตัวเองก้าวไปสู่การเก็บเงินผ่านระบบ PVD โดยอัตโนมัติ ‘ขั้นที่1’
PVD เป็นการออมภาค ‘สมัครใจ’ ที่ให้ประโยชน์กับสมาชิกค่อนข้างมาก โดยเงินที่ใส่เข้า PVD จะมาจากส่วนของ ‘ลูกจ้าง-เงินสะสม’ ตั้งแต่ 2-15% ของเงินเดือน และส่วนของ ‘นายจ้าง-เงินสมทบ’ ตั้งแต่ 2-15% เช่นกัน แล้วแต่ข้อกำหนดของแต่ละบริษัท
“แค่คุณพาตัวเองก้าวมาสู่ขั้นที่1 นี้ได้ ก็พาเงินเกษียณคุณขยับเข้าใกล้เป้าหมายแล้วส่วนหนึ่ง เพราะทุกครั้งที่คุณเก็บ นายจ้างก็จะสบทบให้ตามสัดส่วน สมมติคุณเก็บ 5% นายจ้างสมทบ 5% ก็เหมือนคุณลงทุนได้ผลตอบแทนเท่าตัวโดยที่ยังไม่ต้องทำอะไรเลย (ในกรณีที่นายจ้างสมทบให้ในสัดส่วนที่เท่ากันนะ)”
แต่ถ้าคุณพอใจอยู่แค่ขั้นที่1 ก็เป็นเรื่องที่ ‘น่าเสียดาย’ เพราะเงิน PVD ของคุณจะงอกเงยจนผลิดอกออกผลได้มากหรือน้อยนั้น ขึ้นกับการเลือก ‘แผนการลงทุน’ ที่เหมาะสมด้วยเช่นกัน ถือเป็นก้าว ‘ขั้นที่2’ ที่คุณควรจะพาตัวเองไปให้ถึงจุดนี้ให้ได้ เพราะมันจะหมายถึงผลประโยชน์ที่จะติดตามมาอีก 2 ส่วน คือ ‘ประโยชน์ของเงินสะสม-ลูกจ้าง’ และ ‘ประโยชน์ของเงินสมทบ-นายจ้าง’ นั่นเอง
“ถ้าเลือกแผนการลงทุนที่เสี่ยงต่ำเกินไป เงินคุณก็จะงอกเงยได้ไม่ดี เติบโตได้ช้า ถ้า PVD ที่คุณเลือกได้ผลตอบแทน 2% เงินจะโตเป็น 2 เท่า ต้องใช้เวลา 36 ปี แต่ถ้าได้ผลตอบแทน 7.5% จะใช้เวลาลดลงเหลือ 9.6 ปีเท่านั้น เรียกว่าเงินมีโอกาสเติบโตได้ดีก่อนจะถึงวันเกษียณแตกต่างกันไปตามแต่แผนการลงทุนที่คุณเลือกเป็นสำคัญ ฉะนั้น ห้ามละเลยเด็ดขาด!!!”
โดยคุณจะได้รับเงิน PVD ครบทั้ง 4 ส่วน ‘สะสม-ผลประโยชน์เงินสะสม-สมทบ-ผลประโยชน์เงินสมทบ’ และได้รับ ‘ยกเว้นภาษี’ ถ้าสมาชิกได้รับเงินคืนจากกองทุนตามเงื่อนไขดังนี้
- ออกจากงาน
- สมาชิกมีอายุขณะที่ได้รับเงินคืน ‘ไม่น้อยกว่า 55 ปี บริบูรณ์’ และ
- เป็นสมาชิกกองทุนมาแล้ว ‘ไม่น้อยกว่า 5 ปี ต่อเนื่องกัน’ (อายุสมาชิก)
“ข้อดีของการเก็บเงินเพื่อเกษียณผ่าน PVD คือ ได้เงินทั้งในส่วนของ ‘ลูกจ้าง’ และ ‘นายจ้าง’ ด้วย (หากลงทุนเป็นไปตามเงื่อนไขของบริษัทและเงื่อนไขภาษี) จึงถือว่าเป็นแหล่งรายได้ที่สำคัญสำหรับชีวิตในวัยเกษียณแหล่งหนึ่งเลยทีเดียว”
“กอง RMF”...ลงทุนเพื่อเกษียณได้ 2 เด้ง
แหล่งเก็บเงินเพื่อเกษียณที่ดีอีกแหล่งหนึ่ง คือ “กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF)” เป็นแหล่งเงินสำหรับคนวัยเกษียณที่สำคัญ เพียงแต่ปัจจุบันยังมีคนเข้ามาใช้ประโยชน์ไม่ค่อยมากนัก ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเสียดายเป็นอย่างยิ่ง เพราะวัตถุประสงค์ในการจัดตั้ง ‘กอง RMF’ นั้น ก็ชัดเจนส่งเสริมการออมระยะยาวเพื่อเป็นหลักประกันให้ตัวเอง และครอบครัวเมื่อเกษียณแล้ว
สำหรับใครที่ไม่ได้อยู่ในระบบ PVD หรือ ‘กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.)’ ก็ไม่ต้องเสียกำลังใจไป เพราะคุณสามารถเก็บออมเพื่อเกษียณผ่านกอง RMF ได้ด้วยตัวเองทันที (เหมาะกับคนที่มีภาระภาษีบุคคลธรรมดาเท่านั้น) ก็ไม่ได้ต่างอะไรกับ ‘เงินสะสม’ ในระบบ PVD แต่ประการใด เพียงแต่เราตั้งเอง ชงเอง และกินเองตลอดสายของการลงทุนไม่ได้มีส่วนของ ‘นายจ้าง’ เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยเท่านั้นเอง
แต่รัฐก็ให้ ‘ประโยชน์ทางภาษี’ มาไว้เป็นกำลังใจให้กับผู้ที่คิดจะเก็บออมเพื่อเกษียณเช่นกัน นี่แหละที่เรียกว่า...ลงทุนได้ 2 เด้ง
เด้งแรก...ผลตอบแทนตามภาษีที่ประหยัดได้ตามฐานภาษีแต่ละคน 5-35% ซึ่งภาษีที่ประหยัดได้ก็คิดเป็นผลตอบแทนที่ได้รับไปก่อนเลย
เด้งสอง...ผลตอบแทนจากการลงทุน ซึ่งยังคงสำคัญในการเลือกนโยบายการลงทุนให้เหมาะสม ซึ่ง ‘กอง RMF’ มีนโยบายการลงทุนให้ครบถ้วนในสินทรัพย์หลักๆ รวมถึงการลงทุนต่างประเทศ สามารถจัดเป็นพอร์ตเพื่อเป้าหมายเกษียณให้ตัวเองได้เลย
แต่การลงทุนก็มีเงื่อนไข คือ ต้องลงทุนต่อเนื่องทุกปี (เว้นได้ไม่เกิน 1 ปี ติดต่อกัน) จริงๆ ไม่ได้ลำบากอะไรเลย เพราะเงิน ‘ขั้นต่ำ’ ที่ลงทุนได้นั้นแค่ 5,000 บาท หรือ 3% ของรายได้ (เลือกเอายอดที่ต่ำกว่า) แต่กำหนดเงินลงทุน ‘สูงสุด’ ไว้ที่ ‘ไม่เกิน 15%’ ของเงินได้ที่ต้องเสียภาษีต่อปี และต้อง ‘ไม่เกิน 500,000 บาท’ โดยให้นับรวมเงินสะสมเข้า PVD ,กบข. ,ประกันชีวิตแบบบำนาญ และกองทุนสงเคราะห์ครูโรงเรียนเอกชนด้วย
“โดยเงินที่ลงทุนผ่านกอง RMF จะได้รับประโยชน์ภาษี เมื่อไปขายคืนหน่วยลงทุนตอนอายุ 55 ปีบริบูรณ์ (นับวันชนวัน) และลงทุน ‘ต่อเนื่องไม่น้อยกว่า 5 ปี’ ซึ่งเงื่อนไขการลงทุนเพื่อประโยชน์ทางภาษีของกอง RMF ไม่ได้ลำบากอะไร ก็ไม่ได้แตกต่างกับเงินออมในระบบ PVD อีกทั้งยังมีความยืดหยุ่นค่อนข้างสูงด้วย สำหรับใครที่สามารถจะใช้ประโยชน์ตรงนี้ผ่านกอง RMF ได้ ก็อยากจะให้มาใช้ประโยชน์กันให้มากๆ เช่นกัน”
ส่วนใครที่ไม่มีภาระภาษีต้องเสีย อยากออมเงินเพื่อเกษียณก็สามารถทำได้เลยผ่าน ‘กองทุนรวม’ ทั่วไป ซึ่งทำได้เองทันที ไม่มีเงื่อนไขการลงทุนมาบังคับ ดังนั้น คุณต้องมี ‘วินัย’ กับตัวเอง ท่องไว้ในใจว่าเงินเกษียณ ไม่เกษียณ...ไม่เอาออกมาใช้เท่านั้นเอง
“ประกันชีวิตแบบบำนาญ”...สร้างเงินบำนาญให้ตัวเอง
มาถึงแหล่งสุดท้ายในชุดสุดคุ้ม ไม่ใช่รูปแบบกองทุนแต่เป็นรูปแบบของประกันในกลุ่มที่เรียกว่า “กรมธรรม์ประกันชีวิตแบบบำนาญ(Annuity)” ที่จะจ่ายเงินให้ผู้ทำประกันเป็นรายงวดตามสัญญาเมื่อเกษียณหรือครบสัญญา แต่จะมีประกันชีวิตของบางที่เท่านั้นที่มีประกันชีวิตแบบนี้ไม่ใช่ทุกที่จะมีประกันชีวิตที่ให้ผลตอบแทนในรูปแบบของบำนาญ หากสนใจก็สามารถเสาะหาข้อมูลดูในโลกออนไลน์ดูได้ว่า...บริษัทประกันไหนบ้างที่มีประกันชีวิตแบบบำนาญให้บริการอยู่
“ประกันชีวิตแบบบำนาญ” ...จะเน้นไปในเรื่องเงินที่ได้หลังเกษียณเป็นหลัก เรื่องความคุ้มครองอาจจะเป็นประเด็นรองลงไป โดยผู้ลงทุนก็จะจ่ายชำระเบี้ยประกันตามที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ เช่น ครั้งเดียวจบ หรือทยอยจ่ายไปเป็นช่วงระยะเวลาหนึ่งตามที่ระบุไว้ เป้าหมาย คือ เมื่อถึงวันที่คุณเกษียณประกันก็จะจ่ายผลตอบแทนเป็นเงินบำนาญให้กับคุณตามที่ระบุไว้ในกรรมธรรม์ เช่น จ่ายครั้งเดียว หรือทยอยจ่ายเป็นงวดๆ ไปจนกว่าครบอายุกรมธรรม์ ขึ้นกับแบบประกันของแต่ละบริษัทเป็นสำคัญ
“สำหรับประกันแบบบำนาญต้องเป็นแบบประกันที่มีระยะเวลาคุ้มครองเกิน 10 ปีขึ้นไป มีการจ่ายเงินผลประโยชน์คืนทุกปี ตั้งแต่ตอนอายุไม่ต่ำกว่า 55 ปี หลังจากจ่ายเบี้ยประกันครบตามระยะเวลาที่กำหนดแล้ว โดยเบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญ สามารถนำไปใช้เป็นค่าลดหย่อนได้ 15% ของเงินได้ที่ต้องเสียภาษีตลอดทั้งปี แต่ ‘ไม่เกิน 200,000 บาทต่อปี’ และเมื่อรวมกับเงินลงทุนเพื่อการเกษียณอื่น ทั้งกอง RMF, PVD ,กบข. , และกองทุนสงเคราะห์ครูโรงเรียนเอกชน ต้องรวมกันไม่เกิน 500,000 บาทต่อปี”
ใครที่กำลังวางแผนจะเก็บเงินเพื่อเกษียณ... “3 แหล่ง-สุดคุ้ม” ที่รัฐส่งเสริมโดยให้ประโยชน์ทางภาษีมาไว้เป็นกำลังใจนี้ ถือเป็นเป้าหมายในการเก็บเงินที่ตอบโจทย์เป้าหมายเกษียณได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว