“บลจ.ทิสโก้”... ปลื้ม ‘กอง TAREIT’ เสียงตอบรับดี เดินหน้าขยายมูลค่าโครงการเพิ่ม รับความต้องการของนักลงทุนที่มองหาสินทรัพย์ผันผวนน้อย พร้อมโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีในยุคดอกเบี้ยต่ำ เปิดขายอีกครั้งวันที่ 19 มิ.ย. 19 มูลค่าซื้อขั้นต่ำ 1,000 บาท

นายสาห์รัช ชัฏสุวรรณ ผู้อำนวยการสายการตลาดและที่ปรึกษาการลงทุน บลจ.ทิสโก้ จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากบริษัทได้เปิดตัว ‘กองทุนเปิด ทิสโก้ เอเชียน รีท (TAREIT)’ ที่มีนโยบายลงทุนในทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) ทั่วเอเชีย ผ่านหน่วยลงทุนของ ‘กอง B&I Asian Real Estate Securities (UCITS)’ ซึ่งเสนอขายครั้งแรกไปเมื่อวันที่ 10 - 17 มิ.ย. 19 ที่ผ่านมานั้น ปรากฎว่ากองทุนดังกล่าวได้รับการตอบรับดีมาก จนเต็มมูลค่าโครงการ

ทั้งนี้ เพื่อให้ผู้ที่สนใจได้มีโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีจากการลงทุนใน ‘กอง TAREIT’ บริษัทจึงได้ขยายมูลค่าโครงการเป็น 1,000 ล้านบาท และเปิดเสนอขายหน่วยลงทุนอีกครั้งในวันที่ 19 มิ.ย. 19 นี้ มูลค่าขั้นต่ำของการซื้อครั้งแรก 1,000 บาท

“สาเหตุที่นักลงทุนให้ความสนใจเป็นอย่างมาก คาดว่าเพราะนักลงทุนมองว่ากองทุนนี้มีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีได้ เนื่องจากอัตราการจ่ายปันผลของ REIT ในภูมิภาคเอเชียอยู่ในระดับที่น่าสนใจ และมีการจ่ายปันผลอย่างสม่ำเสมอ อีกทั้งราคาหน่วยลงทุนผันผวนต่ำ นอกจากนี้รายได้ของ REIT ยังมีโอกาสเติบโตอีกมาก จากความต้องการใช้พื้นที่ในเมืองที่เพิ่มขึ้นตามกระแสเมกะเทรนด์เกี่ยวกับการเคลื่อนย้านประชากรเข้าสู่สังคมเมือง”

นายสาห์รัช ยังกล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาธนาคารกลางประเทศสำคัญทั่วโลกยังคงอัตราดอกเบี้ยระดับต่ำ เพื่อสนับสนุนให้เศรษฐกิจเติบโตได้ โดยธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ส่งสัญญาณว่าจะลดอัตราดอกเบี้ยลงหากเศรษฐกิจชะลอตัว ซึ่งนักลงทุนคาดว่าในปีนี้ Fed จะปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลง 2 ครั้ง ด้านธนาคารกลางญี่ปุ่น สิงคโปร์ และฮ่องกง ก็ยังคงอัตราดอกเบี้ยในระดับต่ำต่อไป ขณะที่ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลประเทศสำคัญอยู่ในระดับต่ำ ทำให้การลงทุนในตราสารหนี้ในช่วงนี้จึงไม่น่าสนใจเหมือนในอดีต  

“ด้านตลาดหุ้นทั่วโลกยังผันผวนจากประเด็นความเสี่ยงต่างๆ เช่น สงครามการค้า ,Brexit และเศรษฐกิจทั่วโลกยังคงเติบโตแบบชะลอตัวเมื่อเทียบกับปีก่อน ดังนั้น สำหรับนักลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนที่ดีอย่างสม่ำเสมอนั้น การลงทุนใน REIT คุณภาพดี จึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ”

ทั้งนี้ ‘กอง TAREIT’ มีความเสี่ยงระดับ 8 (เสี่ยงสูงมาก) เน้นลงทุนในหลักทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับอสังหาริมทรัพย์และบริษัทที่เกี่ยวข้องกับอสังหาริมทรัพย์ที่จดทะเบียนจัดตั้งในประเทศที่อยู่ในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งดำเนินธุรกิจหรือมีรายได้หลักจากการประกอบกิจการในภูมิภาคเอเชีย เช่น

• ญี่ปุ่น
• สิงคโปร์
• ฮ่องกง
• ออสเตรเลีย
• อินเดีย
• มาเก๊า 

เป็นต้น ผ่านหน่วยลงทุนของ กองทุน B&I Asian Real Estate Securities (UCITS) และเนื่องจากกองทุนนี้ลงทุนกระจุกตัวในหมวดอุตสาหกรรมพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก


“นอกจากนี้ ‘กอง TAREIT’ อาจมีความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนจากการลงทุนในต่างประเทศ จึงมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุนรวม”