BKD ลุยรับงานภาคเอกชน เน้นกลุ่ม“โรงแรม-โรงพยาบาล”

>>

Hightlight

  • BKD เดินหน้ารับงานภาคเอกชนเต็มสูบ กลุ่มลูกค้าหลัก คือ กลุ่มโรงแรมและโรงพยาบาล
  • ปัจจุบันบริษัทมีมูลค่างานในมือประมาณ 1.2 พันล้านบาท จ่อประมูลโรงแรมภาคใต้อีก 3-4 แห่ง
  • มองจัดตั้งรัฐบาลลงตัว ภาคเอกชนมั่นใจลงทุน หวังภาครัฐดันโครงการลงทุนขนาดใหญ่หนุนภาพรวมธุรกิจตกแต่งภายในสดใส


 

นางนุชนารถ  รัตนสุวรรณชาติ  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทบางกอกเดค-คอน จำกัด (มหาชน) หรือ BKD  เปิดเผยว่า  แผนการดำเนินธุรกิจในปีนี้บริษัทยังให้ความสำคัญกับการรับงานที่มีคุณภาพให้ ผลตอบแทนที่ดีมากกว่าเน้นปริมาณงาน   โดยช่วงครึ่งปีแรกจะเน้นรับงานภาคเอกชนเป็นหลักสัดส่วนรายได้กว่า 80% ทั้งนี้ กลุ่มลูกค้าหลักคือกลุ่มโรงแรมและกลุ่มโรงพยาบาล   ซึ่งจะมีทั้งการตกแต่งใหม่และการปรับปรุง   ปัจจุบันบริษัทมีมูลค่างานในมือประมาณ 1.2 พันล้านบาท


“ลูกค้ากลุ่มโรงแรมและกลุ่มโรงพยาบาล ถือเป็นกลุ่มลูกค้าที่บีเคดีมีความเชี่ยวชาญและได้รับการยอมรับฝีมือจากลูกค้า ทั้งในส่วนที่ตกแต่งใหม่และรีโนเวท  โดยกลุ่มโรงแรมจะอยู่ที่ภาคใต้เป็นส่วนใหญ่  ปัจจุบันอยู่ระหว่างการดำเนินงาน 3 แห่ง และรอประมูลอีก 3-4 แห่ง  นอกจากนี้ก็ยังมีโรงแรมที่ภาคเหนือ ส่วนกลุ่มโรงพยาบาลก็จะมีงานของโรงพยาบาลธนบุรี โรงพยาบาลพระรามเก้า เป็นต้น ”นางนุชนารถ กล่าว


นางนุชนารถกล่าวว่า  การที่บริษัทมีงานตกแต่งภายในกลุ่มโรงแรมเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะบริษัทมีความสัมพันธ์ที่ดีกับกลุ่มผู้ประกอบที่ยอมรับฝีมือและคุณภาพงานของบริษัท ภายใต้ราคาสมเหตุสมผล  นอกจากนี้ฐานะการเงินของบริษัทก็มีความแข็งแกร่ง ทำให้ลูกค้ามั่นใจว่างานจะไม่มีปัญหา โดยลูกค้ากลุ่มโรงแรมที่ถือว่ามีความสัมพันธ์ที่ดีและยอมรับฝีมือการตกแต่งภายในของบริษัทเช่น กลุ่มแอทเสทเวิร์ด (AWC)  กลุ่มยูซิตี้  เป็นต้น


สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานในปีนี้ นางนุชนารถ กล่าวต่อว่า ยังเติบโตต่อเนื่อง โดยในส่วนของธุรกิจตกแต่งภายในบริษัทได้ตั้งเป้าหมายว่ารายได้จะเติบโตประมาณ 10%  โดยหลังจากที่มีการจัดตั้งรัฐบาลเรียบร้อย จะทำให้ภาคเอกชนมีความมั่นใจในการลงทุนมากขึ้น นอกจากนี้จะเริ่มเห็นโครงการลงทุนขนาดใหญ่ของภาครัฐ  ซึ่งบริษัทจะได้รับอานิสงส์จากโครงการลงทุนต่างๆ  ทั้งภาครัฐและเอกชน  อย่างไรก็ตามในปีนี้ยังประเมินว่าสัดส่วนรายได้หลักของบริษัทยังจะมาจากภาคเอกชน ส่วนปีหน้าก็จะเริ่มมีสัดส่วนรายได้จากภาครัฐเพิ่มขึ้น