“บลจ.ไทยพาณิชย์”... ปันผล 2 กองหุ้นสหรัฐ ‘S&P 500-บิลเลี่ยนแนร์’

>>

“บลจ.ไทยพาณิชย์”...เตรียมปันผล 2 กองหุ้นสหรัฐ SCBS&P500- SCBBLN’ วันที่ 26 มิ.ย. นี้ แนะนักลงทุนติดตามพัฒนาการของ Trade War ใกล้ชิด คาด FED มีโอกาสลดดอกเบี้ยก.ค.นี้


นายณรงค์ศักดิ์ ปลอดมีชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.ไทยพาณิชย์ จำกัด
เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมจ่ายเงินปันผลกองทุนหุ้นต่างประเทศ พร้อมกัน 2 กองทุนในวันที่ 26 มิ.ย. 19 นี้ ประกอบด้วย

  • กองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นยูเอส (SCBS&P500)’ สำหรับผลการดำเนินงานระหว่างวันที่ 1 ธ.ค.18 – 31 พ.ค. 19 และกำไรสะสม ในอัตรา 0.2298 บาทต่อหน่วย ซึ่งนับเป็นครั้งที่ 12 รวมจ่ายปันผล 3.0304 บาทต่อหน่วย (นับจากจัดตั้งกองทุนเมื่อ 18 ธ.ค. 12)
     
  • กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ บิลเลียนแนร์ (SCBBLN)’ สำหรับผลการดำเนินงานระหว่างวันที่ 1 มิ.ย. 18 - 31 พ.ค. 19 และกำไรสะสมในอัตรา 0.4392 บาทต่อหน่วย ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการจ่ายปันผลระหว่างกาลเมื่อวันที่ 25 ธ.ค. 18 ไปแล้วจำนวน 0.3322 บาทต่อหน่วย เหลือจ่ายงวดนี้ 0.1070 บาทต่อหน่วย นับเป็นครั้งที่ 6 รวมจ่ายปันผล 1.1787 บาทต่อหน่วย (นับจากจัดตั้งกองทุนเมื่อ 24 ก.ค. 15)


“ในช่วงที่ผ่านมาทั้ง 2 กองทุน สามารถสร้างผลการดำเนินงานอยู่ในระดับที่น่าพอใจ โดย ‘กอง SCBS&P500’ มีผลการดำเนินงานตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันอยู่ที่ 17.82% (ณ วันที่ 21 มิ.ย. 19) ส่วน ‘กองSCBBLN’ มีผลการดำเนินงานตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันอยู่ที่ 18.48% (ณ วันที่ 21 มิ.ย. 19)” 


 
นายณรงค์ศักดิ์ ปลอดมีชัย )

นายณรงค์ศักดิ์ ยังกล่าวอีกว่า ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาตลาดหุ้นสหรัฐ และทั่วโลกปรับตัวอยู่ในเกณฑ์ดี จากการผ่อนคลายความกังวลของนักลงทุนต่างๆ ทั่วโลก โดยในสหรัฐนั้นเริ่มกลับมาดีขึ้นภายหลังจากรายงานของนายโรเบิร์ต มุลเลอร์ อัยการพิเศษ ได้ข้อสรุปว่าไม่มีหลักฐานเพียงพอที่จะดำเนินคดีกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในประเด็นของการแอบร่วมมือกับรัสเซียในการแทรกแซงผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อปี 2016 ทำให้ตลาดคาดการณ์ว่ากระบวนการถอดถอนประธานาธิบดีนั้นก็มีความน่าจะเป็นลดน้อยลง ซึ่งในขณะเดียวกันก็ทำให้ความต่อเนื่องของโมเมนตัมในเรื่องของข้อตกลงทางการค้า (trade deal) ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ตลาดโลกมีการปรับเพิ่มขึ้นมาตั้งแต่ต้นปีนี้ตามไปด้วย


“นอกจากนี้ยังมีปัจจัยบวกที่สำคัญคือท่าทีของนายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ในประเด็นของการขึ้นดอกเบี้ยสหรัฐ โดยการสื่อสารเมื่อเดือนมี.ค. ที่ผ่านมาเป็นการเน้นย้ำถึงจุดยืนของ FED ที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น จากการให้สัมภาษณ์ในลักษณะกลับลำหรือที่เรียกว่า mid-cycle pause นับเป็นครั้งที่ 4 ในรอบกว่า 30 ปีที่ผ่านมา  โดยตลาดได้ปรับลดการคาดการณ์ถึงความเป็นไปได้ที่ FED จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในปีนี้ทิ้งทั้งหมด และได้เริ่มมีการคาดการณ์ถึงความเป็นไปได้ที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงแทน โดยล่าสุดตลาดได้คาดว่ามีความเป็นไปได้ถึงประมาณ 80% ว่า FED จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงภายในเดือนก.ค. นี้”


นายณรงค์ศักดิ์ กล่าวเสริมว่า แนวโน้มของตลาดหุ้นสหรัฐจากนี้ไปนักลงทุนควรติดตามพัฒนาการของการเจรจาสงครามการค้าสหรัฐและจีน (Trade War) อย่างใกล้ชิด ซึ่งล่าสุดประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยืนยันกำหนดการพบประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ในการประชุมนอรอบ G20 ในช่วงวันที่ 28 - 29 มิ.ย. นี้ นอกเหนือจากนี้การปรับตัวของผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐเริ่มที่จะสะท้อนให้เห็นถึงการเข้าสู่ช่วงปลายวัฎจักรเศรษฐกิจ (Late Cycle) ของเศรษฐกิจโลกที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น