เช็คสุขภาพหุ้น PSH ในวันที่อสังหาฯ มีโครงการเหลือขาย 1.82 แสนยูนิต

>>

ปัจจุบันอสังหาริมทรัพย์ “รอเจ้าของ” หรือซัพพลายคงค้าง(ทั้งบ้านและคอนโดฯ) มีประมาณ 1.82 แสนยูนิต เรียกว่าหืดขึ้นคอกันเลยทีเดียว! โดยในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา (2557-2561) จำนวนยูนิตเหลือขายของตลาดที่อยู่อาศัยกรุงเทพและปริมณฑลเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง!

  • 2557 ยูนิตเหลือขาย 163,562 ยูนิต
  • 2558 ยูนิตเหลือขาย 175,670 ยูนิต
  • 2559 ยูนิตเหลือขาย 176,901 ยูนิต
  • 2560 ยูนิตเหลือขาย 185,721 ยูนิต
  • 2561 ยูนิตเหลือขาย 189,182 ยูนิต

 

ทั้งจากข้อจำกัดเรื่องต้นทุนราคาที่ดินที่นับว่าก็ยิ่งแพงขึ้น กำลังซื้อผู้บริโภค การเก็งกำไรคอนโดมิเนียม ตลอดจนมาตรการเข้มงวดของภาครัฐที่ออกกฎมาคุมหนี้ ช่วงหลังๆ จึงสังเกตว่าผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์หลายราย หันไปเจาะที่อยู่อาศัยระดับบนมากขึ้น ไม่ก็หันไปลงทุนในตึกออฟฟิศให้เช่า หรือคอมมูนิตี้มอลล์แทน เพื่อจะหารายได้ในรูปแบบค่าเช่า ซึ่งเป็นรายได้ต่อเนื่อง (Recurring Income) แทน


นอกจากนี้ตลาดสำคัญที่ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์หลายรายกระโจนเข้าไปเล่น นั่นก็คือ “ตลาดเฮลท์แคร์” หรือธุรกิจโรงพยาบาลและศูนย์สุขภาพ


วันนี้ทาง Wealthy Thai จึงหยิบเอาหุ้น “PSH” หรือบริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง ที่กำลังรุกธุรกิจโรงพยาบาล มาเป็นกรณีศึกษา


ปัจจุบันแม้ว่ารายได้ของ PSH จะมาจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เป็นหลัก หรือมีสัดส่วน 75% ของรายได้รวม โดยรายได้จากกลุ่มอสังหาฯ ในปี 2561 อยู่ที่ 44,901 ล้านบาท แต่มีความเสี่ยงเรื่องการสรรหาที่ดินเพื่อการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ บวกกับการแข่งขันในตลาดที่สูงมากถ้าเทียบกับอุตสาหกรรมอื่นๆ เพราะฉะนั้นเมื่อขายยาก ยิ่งทำให้ผู้ประกอบการต้องเค้นนวัตกรรม หรือลูกเล่นใหม่ๆ เพิ่มขึ้นอีก ยังไม่นับเทรนด์ดิจิทัลใหม่ๆ ที่อาจจะกระทบกับการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในอนาคต 


เพราะฉะนั้นวงล้อหลังจากกดปุ่มเปิดดำเนินการ “โรงพยาบาลวิมุต” ในปี 2563 จะทำให้โครงสร้างของบริษัทค่อยๆ ขยับ จากการลงทุนในธุรกิจโรงพยาบาลและศูนย์บริการสุขภาพที่ดำเนินการผ่านบริษัทย่อย 2 บริษัทได้แก่

  • บริษัท โรงพยาบาลวิมุต โฮลดิ้ง จำกัด
  • บริษัท โรงพยาบาลวิมุต อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด


นับว่า PSH ลงทุนเร็ว เพราะสุดท้ายที่อยู่อาศัยกับเฮลท์แคร์ ก็เป็นส่วนที่เกี่ยวข้องกัน อย่างบริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) หรือ “BDMS” ลงทุนกว่า 1.2 หมื่นล้านบาท เพื่อทำศูนย์สุขภาพในรูปแบบ “รีสอร์ท” ร่วมกับผู้ประกอบการโรงแรมเชนใหญ่ระดับโลก

 


PSH อาจจะขาดทุนช่วง 2-3 ปีหลังรพ.เปิดให้บริการ

ปัจจัยบวกเรื่องการลงมาเล่นในตลาดสุขภาพ ทั้งจากการรักษาพยาบาลในประเทศ โดยเฉพาะจากการที่ประเทศเรากำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุในอีกไม่กี่ปี บวกกับ “การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ” ก็มาแรงไม่แพ้กัน ปัจจุบันมูลค่าตลาดนี้ในไทยมีมูลค่าถึง 7 หมื่นล้านบาท เลยทีเดียว แม้ว่า PSH อาจจะต้องระวังเรื่องการขาดทุนจากการดำเนินธุรกิจโรงพยาบาลวิมุตในช่วง 2-3 ปีแรกที่เปิดให้บริการ

 


โบรกฯ แนะนำให้ถือ
PSH ไปก่อน

บล.เมย์แบงก์ แนะนำถือ PSH (ราคาเป้าหมาย 19.50 บาท/หุ้น) ซึ่งปัจจุบันมียอดรอรับรู้รายได้ (Backlog) ในมืออยู่ 32,443 ล้านบาท ประมาณ 17,834 ล้านบาท มีกำหนดบันทึกรายได้ในปีนี้ จึงประมาณการรายได้ไว้ที่ 45,856 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว  ขณะที่กำไรสุทธิที่ 5,626 ล้านบาท ติดลบ 8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว


ทั้งนี้ประเมินทิศทางผลประกอบการไตรมาส 2/62 อ่อนตัวลงเนื่องจากมีโครงการคอนโดมิเนียมเริ่มสร้างเสร็จส่งมอบเพียง 1 โครงการ และการเปิดโครงการใหม่ตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันที่ทำได้ช้า และส่วนของทาว์นเฮาส์คือ กลุ่มที่นักวิเคราะห์กังวลเนื่องจาก Backlog ยังไม่เด่นและมียอดปฏิเสธสินเชื่อสูง


และสุดท้าย
PSH ยังมีจุดเด่นที่ผลตอบแทนจากเงินปันผล ยังเด่น 7.31% เมื่อเทียบตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน (26 มิถุนายน) ซึ่งติดอันดับหุ้นปันผล Top 5 รองจาก SIRI,HANA และ TISCO เท่านั้น


ที่มา : รายงานประจำปี PSH และบทวิเคราะห์หุ้นรายตัว บล.เมย์แบงก์