สำหรับโครงการดังกล่าว เป็นอาคารห้องชุด หรือ คอนโดมีเนียม จำนวน 210 ยูนิต ในจำนวนนี้มี 84 ยูนิต หรือ 40% ของจำนวนห้องทั้งหมดที่ราคาต่ำกว่า 1 ล้านบาท ถือว่าเข้าเกณฑ์โครงการบ้านล้านหลังที่ธนาคารปล่อยกู้ได้
นายฉัตรชัย กล่าวว่า ธนาคารได้ตั้งวงเงินปล่อยกู้ผู้ประกอบก่อสร้างบ้านหรือห้องชุดที่ราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท ไว้จำนวน 10,000 ล้านบาท ซึ่งธนาคารพร้อมพิจารณาปล่อยกู้ ให้มีเงื่อนไขตรงตามที่กำหนด เพราะถือเป็นนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล ที่ต้องการให้ผู้มีรายได้น้อยมีที่อยู่เป็นของตัวเองให้มากที่สุด
ทั้งนี้ การอนุมัติสินเชื่อบ้านหลังแรกให้ผู้มีรายได้น้อยเฟส 1 มีผู้จองสิทธิมา 127,000 ราย ข้อมูล ณ วันที่ 10 มิถุนายน 2562 ยื่นกู้ 8,730 ราย วงเงินกู้ 6,350 ล้านบาท อนุมัติ 7,790 ราย วงเงินกู้ 5,470 ล้านบาท
สำหรับการเปิดจองสิทธิให้จองกู้บ้านล้านหลังเฟส 2 ต้องรอเสนอให้ รมว.คลัง รัฐบาลใหม่ ก่อน ซึ่งต้องมีการรายการดำเนินการเฟส 1 ที่ผ่านมา และจะปรับการจองสิทธิเฟส 2 อย่างไร เพื่อให้ผู้จองสิทธิเข้าถึงสินเชื่อมากที่สุด
นายฉัตรชัย กล่าวว่า ปีนี้ธนาคารตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อบ้าน 203,000 ล้านบาท คาดว่าจะได้ใกล้เคียงกับเป้าหมายที่ตั้งไว้ หลังจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ยอมผ่อนผันเงื่อนไขมาตรการคุมสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ (LTV) ให้กับ ธอส. กรณีที่ปล่อยกู้สินเชื่อบ้านให้สวัสดิการข้าราชการออกไปอีก 1 ปี จนถึงวันที่ 31 มี.ค. 2563
นอกจากนี้ โครงการปล่อยกู้ซื้อบ้านคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบ เช่น โครงการบ้านล้านหลังที่ ธอส. ดำเนินการเอง และบ้านคนไทยที่ ธอส. ร่วมปล่อยกู้ให้กับโครงการที่ธนารักษ์ดำเนินการ ให้ผ่อนผันไปจนถึงมาตรการสิ้นสุดตามที่ ครม. เห็นชอบ
ขณะเดียวกัน ธอส. จะเร่งปล่อยสินเชื่อให้ได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ ซึ่งตอนนี้มีการนำร่องปล่อยกู้ 5,000 ล้านบาท โดยไม่ทำตามเงื่อนไข LTV ที่ ธปท. กำหนด ซึ่งจะทำให้เงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS) ลดลง 0.04% เพราะต้องสำรองเพิ่มมากกว่าทำตามเงื่อนไข LTV ซึ่งปัจจุบัน BIS ของธนาคารอยู่ที่ 14.6% หากได้ผลก็จะเสนอให้คณะกรรมการเห็นขอบเพิ่มวงเงิน เพื่อให้การปล่อยสินเชื่อได้ตามเป้าหมาย