ชู “กองอสังหาฯ”...รับมือตลาดครึ่งหลังผันผวน พร้อมเพิ่มทุน ‘PRINCIPAL iPROP’ เป็น 3 หมื่นลบ.

>>

แม้อุณหภูมิความร้อนแรงของสงครามการค้าระหว่าง สหรัฐ-จีนดูจะลดลงหลังทั้ง 2 ฝ่ายสามารถบรรลุข้อตกลงกันได้ในการประชุม G20 ปลายเดือนมิ.ย. ที่ผ่านมา แต่เศรษฐกิจโลกในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ยังคงมีปัจจัยเสี่ยงรุมเร้าไม่ต่างไปจากในช่วงก่อนหน้าแต่ประการใด

 


คาดตลาดครึ่งปีหลัง... “ผันผวน” ต่อเนื่อง


“จุมพล สายมาลา” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.พรินซิเพิล จำกัด
มองว่า ทิศทางการลงทุนช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ ยังมีความไม่แน่นอนจากแนวโน้มเศรษฐกิจที่ผันผวน โดยมีปัจจัยมาจากผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) ครั้งล่าสุดที่แม้จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 2.25 - 2.50% ตามคาด ด้วยคะแนนเสียง 9 ต่อ 1


“อย่างไรก็ตาม ทางคณะกรรมการ FOMC ได้ให้ความสำคัญกับปัจจัยเสี่ยงที่เกิดจากความไม่แน่นอนทางภาคเศรษฐกิจและภาคการเงิน โดยประธานเจ้าหน้าที่บริหารและประธานธนาคารกลางสหรัฐของเซนต์หลุยส์ แสดงมุมมองต่ออัตราดอกเบี้ยนโยบายสหรัฐที่เหมาะสมว่าควรอยู่ในระดับต่ำกว่าปัจจุบัน 0.25% จึงเพิ่มความเป็นไปได้ต่อการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในอนาคต”


 
( จุมพล สายมาลา )


ส่วนประเด็นความขัดแย้งจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐ และจีน ยังเป็นปัจจัยที่ต้องติดตามต่อ ภายหลังการพบกันของ 2 ผู้นำ ‘นายโดนัล ทรัมป์’ ประธานาธิบดีสหรัฐ และ’นายสีจิ้น ผิง’ ประธานาธิบดีสาธารณรัฐประชาชนจีน ในการประชุม G20 ที่ญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 28-29 มิ.ย. 19 ออกมาดีตามคาด


“โดยทั้งสองฝ่ายยอมกลับเข้ามาสู่ขั้นกระบวนการเจรจาการค้าครั้งที่ 12 อีกครั้ง ภายหลังที่ยุติการเจรจาไปเมื่อเดือนพ.ค. ที่ผ่านมา ทำให้เรามีมุมมองเชิงบวกต่อภาพรวมและผลลัพธ์การประชุมครั้งนี้ แต่ยังคงต้องติดตามผลการเจรจารอบใหม่ว่าจะทำได้จริงหรือไม่”

 


แนะกระจายลงทุนใน...“กองอสังหาฯ
-REIT10-20%

         
ด้วยสถานการณ์ลงทุนเช่นนี้ จุมพล ประเมินว่า จะส่งผลดีต่อการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีลักษณะเป็น ‘Yield Play Assets’ ซึ่งรวมถึงสินทรัพย์ในกลุ่ม กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ (Property Fund) และ กองทรัสต์เพื่อลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REITs) จากภาพรวมอัตราดอกเบี้ยพันธบัตรรัฐบาลทั่วโลกที่อยู่ในระดับต่ำ เป็นปัจจัยดึงดูดกลุ่มนักลงทุนหลายกลุ่มที่มุ่งแสวงหาผลตอบแทน (Search for Yield) เข้าลงทุนใน ‘Property Fund’ และ ‘REITs’ ที่จ่ายเงินปันผลจากกระแสเงินสดแก่นักลงทุนในอัตราเงินปันผลเฉลี่ยในปัจจุบัน 4.6%–5.4% ต่อปี เพื่อช่วยลดผลกระทบเชิงลบในช่วงที่ตลาดลงทุนเกิดความผันผวน


“นักลงทุนสามารถกระจายการลงทุนมาใน กลุ่มกองทุนอสังหาฯ ได้ในสัดส่วน 10-20% ของพอร์ตลงมุนรวม เพื่อกระจายความเสี่ยงและสร้างผลตอบแทนในภาวะที่ตลาดการเงินโลกยังไม่ชัดเจน”

 


พร้อมเพิ่มทุน “
PRINCIPAL iPROP เป็น 3 หมื่นล้านบาท...รองรับการเติบโต


ล่าสุดเมื่อวันที่ 24 มิ.ย. ที่ผ่านมา “กองทุนเปิดพรินซิเพิล พร็อพเพอร์ตี้ อินคัม (PRINCIPAL iPROP)” ได้รับอนุมัติเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 30,000 ล้านบาท จากเดิม 15,000 ล้านบาท เพื่อรองรับการเติบโตหลังได้รับการตอบรับจากนักลงทุนดีมากในช่วงที่ผ่านมา


สำหรับผลการดำเนินงานของ ‘PRINCIPAL iPROP’ สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีมาโดยตลอด เฉลี่ยประมาณ 10% ต่อปี นับตั้งแต่จัดตั้งกองทุน และมีประวัติจ่ายเงินปันผลอย่างต่อเนื่องทุกไตรมาสนับตั้งแต่ไตรมาส 2/2012 จนถึงปัจจุบัน โดยจ่ายเงินปันผลแล้วทั้งสิ้น 29 ครั้ง รวม 5.66 บาทต่อหน่วย


“โดยในครั้งนี้กองทุนได้ประกาศจ่ายเงินปันผล ‘กอง PRINCIPAL iPROP-D’ ชนิดจ่ายเงินปันผล และรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติสำหรับ ‘กอง PRINCIPAL iPROP-R’ ชนิดขายคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติ ในอัตราหน่วยละ 0.25 บาท (สำหรับงวดบัญชี 31 พ.ค. 19) แก่ผู้ที่ถือหน่วยลงทุนกองทุนดังกล่าวก่อนวันที่ 28 มิ.ย. 19 นี้”


ใครที่กำลังมองหาผลตอบแทนที่ดีกว่าเงินฝาก ความเสี่ยงไม่สูงเท่ากับหุ้น แต่ยังให้ผลตอบแทนที่ดีและน่าสนใจ เชื่อว่ากลุ่ม ‘กองทุนอสังหาริมทรัพย์-REITs’ จะเป็นอีกทางเลือกที่ตอบโจทย์คุณได้ไม่มากก็น้อย