JCK เช่าที่ดินกรมธนารักษ์ มูลค่า 1.46 พันลบ.

>>

Hightlight

  • บอร์ด JCK อนุมัติให้เซ็นสัญญาเช่าที่ดินจากกรมธนารักษ์ลุยพัฒนาที่ดินราชพัสดุ 1,335 ไร่ เป็นระยะเวลา 50 ปี มูลค่าประมาณ 1,462.48 ล้านบาท
  • พัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษจังหวัดนครพนม ผุดเมืองวัฒนธรรม-ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ-ศูนย์กระจายสินค้าและเขตอุตสาหกรรม
  • พร้อมอนุมัติขายหุ้น Bognor Regis Warehouse Limited บ.ย่อยของ TISCOM ที่ JCK ถือหุ้นอยู่ในสัดส่วน 100% ในราคา 17,750,000 ปอนด์
  • โดยจะทำรายการซื้อขายในเดือนกรกฎาคม 62 ช่วยหนุนรายได้เติบโตอีกช่องทางหนึ่ง




นายอภิชัย เตชะอุบล ประธานกรรมการ บริษัท เจซีเค อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) (JCK) เปิดเผยว่า ในวันนี้คณะกรรมการบริษัทได้มีมติอนุมัติให้เข้าทำสัญญาเช่าที่ดินราชพัสดุ “พื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษนครพนม”กับกรมธนารักษ์ เพื่อพัฒนาพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษชายแดน ซึ่งเป็นยุทธศาสตร์สำคัญในการพัฒนาประเทศ เพื่อให้มีการลงทุนในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษนครพนม ซึ่งเป็นเขตชายแดนใกล้กับด่านพรมแดนสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว  โดยบริษัทฯได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษให้ได้รับสิทธิการพัฒนาพื้นที่ในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษนครพนม เนื้อที่ประมาณ 1,335 ไร่เศษ เป็นระยะเวลา  50 ปี โดยมีอัตราค่าเช่าและค่าธรรมเนียมการจัดให้เช่าที่ดินราชพัสดุตลอดอายุสัญญา รวมทั้งสิ้น ประมาณ 1,462.48 ล้านบาท


ทั้งนี้ เพื่อรองรับการจัดตั้งเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษนครพนม ที่มีรูปแบบดำเนินโครงการภายใต้วิสัยทัศน์ “สังคมน่าอยู่ ประตูเศรษฐกิจสู่อาเซียนและจีนตอนใต้” โดยนำยุทธศาสตร์จังหวัดนครพนมมากำหนดบทบาทที่เหมาะสมกับการพัฒนาเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษนครพนมให้สอดคล้องกับสภาพเมืองและวัฒนธรรมท้องถิ่น เพื่อให้มีการเจริญเติบโตทั้งในด้านเศรษฐกิจและสังคม อย่างมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนตามแนวคิดไทยแลนด์ 4.0 โดยแบ่งออกเป็น 3 ด้านหลัก ได้แก่ (1) ศูนย์กลางการขนส่งและโลจิสติกส์ (2) เมืองผลิตอาหารปลอดภัย อุตสาหกรรมแปรรูป และศูนย์ธุรกิจค้าส่ง (3) เมืองท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม โดยแบ่งการพัฒนาออกเป็น 6 ด้าน ประกอบด้วย ศูนย์กลางการเชื่อมโยงสู่ภูมิภาค, ส่งเสริมสินค้าทางการเกษตร ส่งเสริมสินค้าท้องถิ่น (OTOP), การเจรจาทางธุรกิจ โดยการจัดตั้งศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ,  การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ รวมถึงสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ โดยมีกิจกรรมที่สนับสนุนอาทิเช่น โรงแรม/รีสอร์ท ศูนย์แสดงศิลปวัฒนธรรม/หัตถกรรม สนามกีฬา เป็นต้น และการยกระดับคุณภาพชีวิตและสุขภาพของคนในชุมชนโดยจัดตั้งโรงพยาบาล ศูนย์ดูแลสุขภาพ และศูนย์แพทย์แผนไทย


ในการพัฒนาพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษนครพนมได้แบ่งกลุ่มพัฒนาออกเป็น 4 กลุ่มหลักๆได้แก่ กลุ่มที่ 1 พื้นที่สำหรับเมืองวัฒนธรรม  กลุ่มที่ 2 พื้นที่สำหรับเป็นศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ (Convention Center) กลุ่มที่ 3 พื้นที่สำหรับใช้เป็นศูนย์รวมกีฬาต่างๆ และสันทนาการ (Sport Complex) และกลุ่มที่ 4 พื้นที่สำหรับศูนย์กระจายสินค้าและเขตอุตสาหกรรมทั่วไป


อีกทั้งภายในโครงการยังมีเส้นทางรถไฟรางคู่สายบ้านไผ่-มหาสารคาม-ร้อยเอ็ด-มุกดาหาร-นครพนม ตัดผ่านพื้นที่ในโครงการอันจะสนับสนุนเส้นทางขนส่ง และโลจิสติกส์ได้สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ภายในโครงการยังจัดพื้นที่รองรับสำหรับผู้ประกอบการ SMEs และนักลงทุนในพื้นที่ที่จะประสงค์จะเข้าร่วมลงทุนในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษดังกล่าว


บริษัทฯมีแผนการเร่งดำเนินการพัฒนาพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษโดยการจัดทำโครงสร้างพื้นฐานภายในโครงการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อรองรับกลุ่มอุตสาหกรรมประเภทต่างๆ ซึ่งจะสามารถสร้างงาน สร้างรายได้เพิ่มให้แก่ประชาชนในจังหวัดนครพนมและพื้นที่ใกล้เคียง ให้มากขึ้น ซึ่งโครงการดังกล่าวจะสนับสนุนการจัดตั้งพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษชายแดนจังหวัดนครพนมให้บรรลุเป้าหมายตามนโยบายของรัฐบาลโดยเร็ว ทั้งนี้ เมื่อได้ลงนามในสัญญาเช่าที่ดินกับกรมธนารักษ์แล้ว บริษัทจะเร่งทำการพัฒนาโครงการทันที ซึ่งบริษัทคาดว่าโครงการวันนครพนมนี้จะสามารถสร้างรายได้ให้แก่บริษัทตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นไป


ประธานกรรมการ JCK ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากโครงการวันนครพนมแล้ว คณะกรรมการบริษัทยังได้อนุมัติให้ทำการขายหุ้น Bognor Regis Warehouse Limited บริษัทย่อยของ TISCOM ที่ JCK ถือหุ้นอยู่ในสัดส่วนร้อยละ 100 ซึ่งเป็นบริษัทที่ทำกิจการคลังสินค้าให้เช่าที่ประเทศอังกฤษ ในราคา 17,750,000 ปอนด์ โดยจะทำรายการซื้อขายกันภายในเดือนกรกฎาคม 62 นี้ ก็จะสร้างรายได้ให้แก่ JCK ได้ภายในไตรมาสนี้อีกทางหนึ่ง