“บลจ.กสิกรไทย”...ส่ง ‘กอง K-HIT’ ชูกลยุทธ์ Thematic Investing เกาะการเติบโตของ 4 Mega Trends โลกที่น่าสนใจ เปิดเสนอขายครั้งแรก 9-19 ก.ค.นี้
นายวศิน วณิชย์วรนันต์ ประธานกรรมการบริหาร บลจ.กสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมาโลกได้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในทุกมิติ ทั้งทางด้านสังคม เศรษฐกิจ การเมือง และเทคโนโลยี มีผลทำให้ประเทศต่างๆ ในโลกต้องพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน และมีความเชื่อมโยงระหว่างกันมากขึ้น อีกทั้งยังมีธีม (Theme) ธุรกิจใหม่ๆ เกิดขึ้นอยู่เสมอ เพื่อตอบสนองความต้องการของคนทั่วโลกที่เปลี่ยนแปลงไปตามกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลก (Megatrends) จึงนับเป็นโอกาสอันดีของนักลงทุนไทยที่จะสามารถสร้างโอกาสรับผลตอบแทนในระยะยาวไปกับ Megatrends ได้
ทั้งนี้ บริษัทได้เปิดขาย ‘กองทุนเปิดเค โกลบอล ไฮ อิมแพ็ค ธีมาติก หุ้นทุน (K-HIT)’ ครั้งแรกระหว่างวันที่ 9-19 ก.ค. 19 โดยกองทุนมีนโยบายลงทุนผ่านกองทุนหลัก ‘Allianz Global Investors Fund – Allianz Thematica Share Class P (EUR)’ ที่เน้นกระจายการลงทุนในหลากหลายธีมธุรกิจที่สอดคล้องกับ Megatrends ใน 4 ด้าน ได้แก่
- การขยายตัวของความเป็นเมือง (Urbanization)
- นวัตกรรมและเทคโนโลยี (Technological Innovation)
- ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัด (Resource Scarcity)
- การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรและสังคม (Demographic & Social Change)
“Megatrends คือกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลกในหลากหลายด้าน ที่สามารถสร้างผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของผู้คนทั่วโลกในระยะเวลา 20-100 ปีข้างหน้า ซึ่งในระหว่างทางจะส่งผลให้เกิดธีมธุรกิจใหม่ๆ ตามความสนใจจากคนทั่วโลกที่เปลี่ยนแปลงไปอยู่เสมอ ทั้งนี้ กองทุนหลักบริหารโดย ‘Allianz Global Investors’ บริษัทจัดการสัญชาติเยอรมัน ที่มีประสบการณ์การลงทุนในภูมิภาคเอเชียยาวนานกว่า 30 ปี และมีความเชี่ยวชาญด้านบูรณาการข้อมูลจากทีมวิจัยทั่วโลกผ่านระบบ Global Research Platform จะมาทำหน้าที่ ค้นหาธีมธุรกิจและหุ้นบริษัทชั้นนำที่น่าสนใจ มีแนวโน้มเติบโตในอนาคต และสอดรับกับ Megatrends”
นอกจากนี้ กองทุนหลักยังมีผลการดำเนินงานย้อนหลังที่สูงกว่าเกณฑ์มาตรฐาน และติดอันดับ Top Quartile อย่างสม่ำเสมอ (ข้อมูลจาก Morningstar ณ 31 พ.ค. 62)
นายวศิน ยังกล่าวอีกว่า กลยุทธ์การลงทุนของกองทุนหลัก จะใช้วิธีการลงทุนแบบ Thematic Investing โดยกระจายการลงทุนในหลากหลาย ธีมธุรกิจที่สอดรับกับ Megatrends เช่น ลงทุนในธีมธุรกิจเทคโนโลยีทางการแพทย์ ซึ่งมีโอกาสเติบโตจาก Megatrends ที่เกี่ยวข้องกับนวัตกรรมและเทคโนโลยี (Technological Innovation) และธีมธุรกิจเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยง (Pet Economy) ที่ได้รับอานิสงส์จากการขยายตัวของความเป็นเมือง (Urbanization) เป็นต้น ทั้งนี้ ผู้จัดการกองทุนหลักจะผสมผสานเทคนิคการลงทุนทั้งการวิเคราะห์ในเชิงมหภาค (Top-down Approach) และการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน (Bottom-up Approach) เพื่อคัดเลือกหุ้นบริษัทที่มีความน่าสนใจ และมีแนวโน้มเติบโตสูง โดยไม่จำกัดทั้งขนาดและกลุ่มอุตสาหกรรม อีกทั้งยังเป็นธุรกิจที่มีการดำเนินงานและให้ผลตอบแทนชัดเจน มีสินค้าและบริการที่มีผู้ใช้งานอยู่จริง ภายใต้ธีมธุรกิจที่สอดรับกับ Megatrends
“อย่างไรก็ดี ธีมธุรกิจจะมีการเปลี่ยนอย่างน้อย 1 ธีมในทุกปี เมื่อธีมธุรกิจที่ลงทุนอยู่เดิมเริ่มเติบโตค่อนข้างจำกัด และมีความน่าสนใจลดน้อยลง”
นายวศิน กล่าวเพิ่มเติมว่า ‘กอง K-HIT’ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลงทุนในธุรกิจที่มีแนวโน้มเติบโตไปกับ Megatrends และสามารถรับความเสี่ยงจากการลงทุนในหุ้นต่างประเทศได้ อีกทั้งยังสามารถลงทุนได้ในระยะยาว 5 ปีขึ้นไป ทั้งนี้ ผู้ลงทุนเริ่มต้นลงทุนได้เพียง 500 บาท