สำนักข่าวบีบีซี รายงานว่า เศรษฐกิจของจีนเติบโตในอัตราที่ช้าที่สุดนับตั้งแต่ปี 1990 (ในรอบ 28 ปี) ส่งผลให้เกิดความวิตกเกี่ยวกับผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก โดยตัวเลขอย่างเป็นทางการที่เเสดงในวันจันทร์ ระบุว่า เศรษฐกิจจีนขยายตัว 6.6 เปอร์เซ็นต์ ในปี 2018
ในช่วง 3 เดือนถึงเดือนธันวาคมเศรษฐกิจขยายตัว 6.4 เปอร์เซ็นต์ จากปีก่อนหน้าลดลงจาก 6.5 เปอร์เซ็นต์ ในไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งข้อมูลสอดคล้องกับการคาดการณ์ แต่ย้ำความกังวลเกี่ยวกับการเติบโตในเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลก ที่อ่อนเเอมากที่สุดนับตั้งเเต่วิกฤติการเงินโลก
ขณะที่ผู้สังเกตการณ์จีนให้คำแนะนำอย่างระมัดระวังกับตัวเลขจีดีพีอย่างเป็นทางการของปักกิ่ง แต่ข้อมูลก็ถูกมองว่าเป็นตัวบ่งชี้ที่มีประโยชน์สำหรับวิถีการเติบโตของประเทศ ทั้งนี้ ปักกิ่งเคยออกเเถลงการณ์เป็นเวลาหลายปีว่าตัวเลขมุ่งไปที่คุณภาพ ไม่ใช่ปริมาณการเติบโต
สำหรับการเติบโตที่ช้าลงในประเทศจีนนั้น อาจเทียบได้ว่าทำให้ประเทศส่วนที่เหลือของโลกก็เติบโตช้าเช่นกัน เนื่องจากจีนเป็นดั่งผู้รับผิดชอบต่อ 1 ใน 3 ของเศรษฐกิจโลก ซึ่งการเติบโตที่ช้าลงในประเทศจีนนั้นหมายความว่าเป็นการยากที่จีนจะจัดการกับปัญหาหนี้สินของจีน แม้ว่าพรรคคอมมิวนิสต์จะมีความสามารถในการสนับสนุนเศรษฐกิจ
นอกจากนี้ผู้กำหนดนโยบายในประเทศจีนได้เพิ่มความพยายามในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาเพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจ อาทิ โครงการก่อสร้าง การลดภาษี ลดระดับเงินสำรองที่ธนาคารจำเป็นต้องมี
Julian Evans-Pritchard นักเศรษฐศาสตร์ทุนจีนกล่าวว่าเศรษฐกิจจีนยังคงอ่อนแอในปลายปี 2018 “แต่ยังดีกว่าที่หลายคนกลัว แม้แรงกดดันจากการเติบโตของเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวและผลกระทบที่ล่าช้าจากการเติบโตของสินเชื่อที่ช้าลง เศรษฐกิจของจีนมีแนวโน้มที่จะอ่อนตัวลงอีกก่อนการเติบโตของเสถียรภาพในครึ่งปีหลัง”
ที่มา: www.bbc.com/
