“บลจ.ทาลิส” นั้น ก่อตั้งจากการรวมตัวของอดีตผู้บริหารบลจ. 3 ท่าน เป็นบริษัทจัดการที่ถือหุ้นด้วยกลุ่มบุคคลที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญ และมีประสบการณ์ยาวนานในแวดวงธุรกิจจัดการลงทุน และเป็นบลจ.ที่มีความพิเศษเฉพาะตัว (Boutique) คือมีความเชี่ยวชาญการลงทุนใน ‘หุ้นไทย’ โดยเฉพาะ สิ้นปี2018 มีสินทรัพย์สุทธิภายใต้การบริหาร (AUM) ประมาณ 5,664 ล้านบาท โดยตั้งเป้าการเติบโตในปีนี้ไปแตะที่ระดับ 10,000 ล้านบาท ให้ได้
“เรายังคงกระหายธุรกิจ...และนี่ทำให้โมเดลการทำธุรกิจของเราแตกต่าง” นั่นคือมุมมองของ “โชติกา สวนานนท์” ประธานกรรมการ บลจ.ทาลิส จำกัด เธอยังเปิดมุมมองเพิ่มเติมให้ฟังว่า เราเป็นบลจ.ขนาดเล็กซึ่งต่างจาก ‘บลจ.ลูกแบงก์’ ที่อาจจะมีความอิ่มตัวในระดับหนึ่งแล้วในเชิงธุรกิจ แต่เรายังคงกระหายธุรกิจและนี่ทำให้โมเดลของเราแตกต่าง แต่การจะขยับอะไรในบางครั้งก็ต้องอดทนและใช้เวลา เราเพิ่งจัดตั้งบริษัทมาได้เมื่อวันที่ 20 ส.ค. 15 ยังคงต้องการเวลาในการสร้าง Track Record เพื่อให้ผู้ลงทุนได้เห็นถึงผลงานของเรา ซึ่งในอนาคต ‘ผลงาน’ นี้จะสามารถใช้ไปต่อยอดในการรุกธุรกิจของบริษัทไปให้ไกลขึ้นกว่าแค่ในประเทศไทยเท่านั้น
“ทำอย่างไรให้นักลงทุนทั่วโลก ถ้าอยากจะลงทุนในตลาดหุ้นไทยจะต้องนึกถึงบลจ.ทาลิส นั้นคือความฝันในตอนนี้ที่อยากจะเดินไปในอนาคต แม้รู้ว่าเส้นทางนั้นจะไม่ง่ายก็ตาม และแน่นอนว่าถ้าเราจะก้าวออกไปบนเส้นทางนั้น เราก็ต้องมั่นใจในทีมงานของเราด้วยเช่นกันว่าจะสามารถตอบโจทย์ให้กับกลุ่มนักลงทุนสถาบันทั่วโลกได้เป็นอย่างดี”
“ฉัตรพี ตันติเฉลิม” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.ทาลิส จำกัด ยอมรับว่า เราคงไม่ไปแข่งเรื่อง AUM กับ ‘บลจ.ลูกแบงก์’ ขนาดใหญ่ โพรดักท์ไหนที่บลจ.ลูกแบงก์ทำได้ดีแล้วเราก็คงไม่ไปแข่งด้วย แต่หากเรานิยามกลุ่ม ‘ลูกค้าเป้าหมาย’ ของตัวเองให้ชัดเจนได้ เราก็จะรู้ว่า ‘โปรดักต์’ แบบไหนที่จะนำเสนอกับลูกค้าของเราได้และคู่แข่งของเราคือใคร ‘ธุรกิจกองทุนรวม’ เป็นธุรกิจที่บริษัทยังคงให้ความสำคัญและใช้งบไปกับการลงทุนพัฒนาเป็นจำนวนมากเพื่อให้ผู้ลงทุนสามารถเข้าถึงการลงทุนในหุ้นไทยที่มีประสิทธิภาพด้วยต้นทุนที่ไม่แพงมากนัก เป็นการวางรากฐานเพื่อการเติบโตไปในระยะยาว
ส่วน ‘ธุรกิจกองทุนส่วนบุคคล’ เป็นธุรกิจที่เราน่าจะคาดหวังการเติบโตได้มากกว่า เพราะยังมีบางตลาดที่บลจ.ลูกแบงก์เองไม่ได้สนใจเข้ามาเล่น อาจจะเพราะไม่คุ้มค่าที่จะเข้ามาทำเพราะสเกลที่ต้องการอาจจะใหญ่ แต่บริษัทฯ สามารถเข้าไปตอบโจทย์ให้กับลูกค้ากลุ่มนี้ได้ ด้วยโปรดักต์ที่แตกต่างออกไป เช่น กองทุนนิติบุคคลเอกชน (Private Equity) หรือการลงทุนที่มีความซับซ้อนมาก เป็นต้น
“เส้นทางที่เราจะเดินไม่ง่าย แต่ถ้าวางรากฐานไว้ได้เราก็จะสามารถเติบโตได้เช่นกัน ในขณะที่ธุรกิจกองทุนรวมก็ยังจะต้องทำควบคู่กันไปด้วย ในปีนี้คงจะมีในส่วนของกองทุนตราสารหนี้ออกมาเพิ่มเติม เพื่อตอบโจทย์ในการจัดพอร์ตการลงทุนให้กับผู้ลงทุนด้วยเช่นกัน”
“ประภาส ตันพิบูลย์ศักดิ์” ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บลจ.ทาลิส จำกัด มองว่า ตลาดหุ้นไทยยังคงเป็นตลาดที่น่าสนใจลงทุนในช่วง 2 – 3 ปี ข้างหน้า ด้วยพื้นฐานเศรษฐกิจของประเทศที่ยังแข็งแกร่งและกำไรบริษัทจดทะเบียนที่ยังเติบโตได้ดี และไม่อยากให้นักลงทุนมองภาพการลงทุนสั้นเกินไปเพราะตลาดหุ้นไทยมีความผันผวนเป็นปกติและมองว่าในช่วง 2 -3 ปี ข้างหน้า ตลาดยังมีลักษณะของการแกว่งตัวออกข้างในขาขึ้น (Sideway Up) มีกรอบการแกว่งตัวในแต่ละปีได้ประมาณ 300 จุด โดยในปี19 นี้ บริษัทมองเป้าดัชนีสิ้นปีไว้ที่ 1,742 จุด ภายใต้กำไรบริษัทจดทะเบียนที่ 112.4 บาทต่อหุ้น คิดเป็นอัตราการเติบโตของกำไรสุทธิ (EPS) ประมาณ 6% และถ้ามองไกลไปจนถึงปี2029 บนกรณีฐาน มีโอกาสเห็นตลาดหุ้นไทยแตะระดับ 3,623 จุด ที่ P/E ประมาณ 16 เท่า อยากให้นักลงทุนมองภาพระยะยาวมากกว่า
“ปัจจัยการเมืองไม่ใช่ปัจจัยหลักที่จะส่งผลบวกต่อตลาดหุ้นไทย แต่เป็นกำไรของบริษัทจดทะเบียนเอง ปัจจัยการเมืองคาดเดาได้ยากและไม่ได้คาดหวังว่าจะเป็นปัจจัยที่ส่งผลบวกต่อตลาดหุ้นไทยมากนัก หากมีพรรคที่สามารถรวมสส.ได้มากกว่า 375 คน อาจจะบริหารประเทศได้นานหน่อย แต่ถ้าได้สส.มากกว่า 250 คน แต่ไม่ถึง 375 คน ก็อาจจะสั้นมาอีกหน่อย แต่ถ้าจำนวนส.ส.น้อยกว่า 250 คน แล้วต้องไปรวมกับเสียงของสว.เพื่อจัดตั้งรัฐบาล อายุรัฐบาลจะสั้น แต่ปัจจัยการเมืองไม่ใช่ปัจจัยหลักและหวังว่ารัฐบาลใหม่จะเข้ามาประคองให้เศรษฐกิจของประเทศโตไปในระดับ 3 -5% ได้ในช่วง 3 ปีข้างหน้า นั่นจะทำให้ตลาดหุ้นที่ระดับ 1,600 จุด หากจะถือลงทุนไป 3 ปีข้างหน้า และคาดหวังผลตอบแทนเฉลี่ย 8 – 10% ยังเป็นสิ่งที่เป็นไปได้และน่าสนใจอยู่สำหรับตลาดหุ้นไทย”
‘บลจ.ทาลิส’ ขอสร้าง Track Record ให้ครบ 5 ปี เมื่อ ‘ผู้ลงทุน’ เห็นผลงานของเราแล้ว เชื่อว่าหลังจากนั้นจะเริ่มเห็นการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญของบริษัทอย่างแน่นอน เราเชื่อว่าเราอยู่ใน ‘ธุรกิจที่ยาก’ ซึ่งเรายืนอยู่ถูกจุดแล้ว ‘ความยาก’ นี้จะเป็นปัจจัยที่ผลักดันให้เราเติบโตต่อไปบนเส้นทางนี้อย่างมั่นคง เพราะถ้าการลงทุนเป็น ‘เรื่องง่าย’ คงไม่มีใครมาใช้มืออาชีพอย่างเราบริหารอย่างแน่นอน
ที่มา www.talisam.co.th