แหล่งข่าวจากสำนักงานสลาก กินแบ่งรัฐบาล เปิดเผยว่า พ.ต.อ.บุญส่ง จันทรีศรี ผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ได้เป็นประธานแถลงนโยบายการจำหน่ายสลากและการแก้ไขปัญหาการจำหน่ายสลากเกินราคาให้กับคู่ค้าและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย กลุ่มผู้ซื้อจองล่วงหน้าสลากกินแบ่งรัฐบาลที่มีความถี่ในการทำรายการซื้อ-จองล่วงหน้า สม่ำเสมอ และเป็นผู้ที่รับสลากในพื้นที่ไปรษณีย์ในเขตกรุงเทพฯ และจังหวัดใกล้เคียงกว่า 500 ราย
ทั้งนี้ได้มีการชี้แจงถึงนโยบายการแก้ไขปัญหาสลากเกินราคาตามแผนระยะที่ 3 ของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล รวมถึงความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับสลากรวมชุดแบบ 2 ใบ และการพิมพ์สลากคละเลขจำนวน 57 ล้านฉบับ ที่เปิดจำหน่ายในงวดวันที่ 1 มี.ค. 2562 ตลอดจนมีการขอความร่วมมือในการจำหน่ายสลาก ตามราคาที่กำหนด โดยสลากใบละ 80 บาท และสลากชุด 2 ใบ ราคา 160 บาท
นอกจากนี้สำนักงานฯ ได้แจ้งกับผู้ค้ารายย่อยว่ากำลังจัดทำบัตรประจำตัวผู้ค้าสลากรายย่อย เพื่อแจกให้กับผู้ซื้อจองทั่วประเทศกว่า 1 แสนราย ในงวดวันที่ 16 มีนาคมนี้ เพื่อต้องการให้ผู้ค้านำบัตรไปแสดงตัวตน ว่าเป็นผู้ค้าสลากที่แท้จริงให้กับผู้รับทราบโดยภายในบัตรจะระบุข้อมูลของผู้ค้า ชื่อนามสกุลพร้อมรหัสคิวอาร์โค้ด เพื่อให้ประชาชนได้ตรวจสอบก่อนซื้อ รวมถึงยังสามารถ ใช้โทรศัพท์มือถือสแกนคิวอาร์โค้ด เพื่อตรวจสอบข้อมูลผู้ขายว่าเป็นผู้ค้าที่ถูกต้องหรือไม่ มีการจำหน่ายตามราคา 80 บาท หรือหากพบขายเกิน 80 บาท ก็ร้องเรียนมาที่สำนักงานสลากฯ เพื่อไปตรวจสอบได้
"การจัดทำบัตรประจำตัวผู้ค้าสลากรายย่อยฯ เพื่อต้องการจัดระเบียบเก็บข้อมูลผู้ซื้อจองสลากให้ชัดเจนขึ้นตามนโยบายสลาก 4.0 โดยเมื่อระบบสมบูรณ์แล้วจะรู้ว่า ผู้ค้ารายย่อยมีปริมาณการซื้อจองในแต่ละงวดเท่าไร มีบริเวณจุดจำหน่ายอยู่ที่ไหน และที่สำคัญดูว่ามีการรับสลากแล้วนำไปขายปลีกจริงหรือไม่ ตลอดจนยังสามารถตรวจสอบการขายเกินราคาได้ด้วย เช่น ถ้าใครถูกร้องเรียนขายเกินราคาบ่อยก็อาจถูกตัดสิทธิได้" แหล่งข่าวระบุ
อย่างไรก็ตามการจัดทำบัตรประจำตัวผู้ค้าสลากรายย่อย มีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยให้ผู้ค้าตัวจริงสามารถแสดงตัวตนและมีความน่าเชื่อถือในการจำหน่ายสลากมากขึ้น ส่วนผู้ที่ไม่ได้ลงทะเบียนซื้อจอง และไม่ได้รับบัตรประจำตัวยังคงขายสลากได้ตามปกติอยู่โดยไม่ถือเป็นความผิด เพราะอาชีพการขายสลากไม่ได้เป็นอาชีพต้องห้ามหรือต้องขออนุญาตก่อน ยกเว้นถ้าขายเกินราคาถึงผิดกฎหมาย มีโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท
