ผุดสถานีรถไฟฟ้ากลางรพ.ศิริราช รองรับผู้ป่วยเดินทางสะดวก

>>

รฟท.-รฟม. ร่วมลงนามเอ็มโอยู คณะแพทย์ศาสตร์รพ.ศิริราช พัฒนาโครงการก่อสร้างสถานีร่วมศิริราช ผลักดันเป็นสถานีขนส่งมวลชนเพื่อสุขภาพแห่งแรกของไทย


นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า กระทรวงคมนาคม การรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.)ได้ร่วมกันลงนามบันทึกความเข้าใจ(MOU)ว่าด้วยความร่วมมือเพื่อดำเนินโครงการก่อสร้างสถานีร่วมศิริราช และอาคารรักษาพยาบาล ร่วมกับการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย และคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ในการพัฒนาพื้นที่เป็นจุดเชื่อมโยงการเดินทางรถไฟฟ้าที่สมบูรณ์แบบ และผลักดันให้สถานีศิริราชเป็นสถานีขนส่งมวลชนเพื่อสุขภาพและสาธารณะสุขแห่งแรกในไทย


ทั้งนี้เนื่องจากเป็นจุดศูนย์รวมการเดินทางของรถไฟฟ้าสายสีส้ม รถไฟฟ้าสายสีแดงและเรือเจ้าพระยา จึงมีการออกแบบตัวสถานีและพื้นที่ใต้ดินเชื่อมต่อกับตึกรักษาพยาบาลของศิริราช พร้อมออกแบบทางเดิน Sky Walk เชื่อมเข้าอาคารอีกด้วย ดังนั้นจึงเป็นก้าวใหม่ของระบบคมนาคมที่จะช่วยส่งเสริมประชาชนให้เข้าถึงการรักษาพยาบาล ประชาชนห่างไกลสามารถต่อรถไฟและรถไฟฟ้าเดินทางมายังโรงพยาบาลได้สะดวกสบาย ไม่มีข้อจำกัดอีกต่อไป

นอกจากนี้ส่งเสริมให้ประชาชนตระหนักถึงสุขภาพและใส่ใจใช้ระบบขนส่งสาธารณะแก้ปัญหาจราจร ตามนโยบาย One Transport for All ของกระทรวงคมนาคม รวมถึงการออกแบบทางอพยพกรณีฉุกเฉิน ลิฟต์บริการผู้พิการและโครงสร้างอื่นที่เกี่ยวเนื่อง พร้อมกับให้สามารถใช้ประโยชน์อาคารรักษาพยาบาลก่อสร้างเป็นสถานีในการให้บริการรถไฟชานเมืองสายสีแดงอ่อน ช่วงตลิ่งชัน-ศิริราชบริเวณชั้น 1 และชั้น 2 ของอาคาร


ปัจจุบันโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดงช่วงตลิ่งชัน-บางซื่อ ระยะทาง 5.7 กิโลเมตร(กม.) วงเงิน 6,600 ล้านบาท ขณะนี้เตรียมเปิดประมูลเพื่อก่อสร้างคาดว่าจะเปิดใช้บริการได้ในปี 2566 โดยเป็นหนึ่งของโครงข่ายรถไฟฟ้าสายสีแดงช่วงบางซื่อ-รังสิต ขณะที่รถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตกช่วงศูนย์วัฒนธรรม-บางขุนนนท์นั้นขณะนี้เตรียมเสนอไปยังฝ่ายนโยบายเพื่อขออนุมัติ


นายอาคม กล่าวว่า จะเริ่มดําเนินการก่อสร้างสถานีศิริราชได้ในปลายปี 2562 โดยมีการสร้างอาคารรักษาพยาบาลของคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล เป็นอาคารสูง 15ชั้น ชั้นใต้ดิน 3 ชั้น และสร้างคร่อมสถานีรถไฟฟ้าศิริราช เมื่อแล้วเสร็จจะเป็นจุดเชื่อมโยงการเดินทางรถไฟฟ้าที่สมบูรณ์แบบ สามารถให้บริการผู้ป่วยทั้งผู้ป่วยนอก ผู้ป่วยใน และประชาชนได้รับประโยชน์ในการเดินทาง โดยเน้นการเชื่อมโยงแบบไร้รอยต่อ (Seamless)และส่งเสริมการใช้บริการขนส่งสาธารณะโดยใช้ระบบตั๋วร่วมในอนาคต เพื่อความสุขของประชาชนคนไทย