บมจ.โอสถสภา โชว์กำไรสุทธิ Q4/61 เติบโตจาก Q4/60 269% บอร์ดฯ เห็นชอบจ่ายเงินปันผลงวดผลการดำเนินงานปี 61 อีก 0.39 บาทต่อหุ้น

>> ‘บมจ.โอสถสภา (OSP)’ ผู้ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคชั้นนำของไทยและในภูมิภาคอาเซียน โชว์กำไรสุทธิไตรมาส 4/61 อยู่ที่ 789 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 269% ส่งผลให้ปีที่ผ่านมา ทำกำไรสุทธิรวม 3,005 ล้านบาท ขณะที่ยอดขายผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มในประเทศ (รวมซี-วิตและคาลพิส) และกลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนบุคคลยังเติบโตได้ดีต่อเนื่องเช่นกัน ด้านบอร์ดฯ เห็นชอบจ่ายเงินปันผลงวดผลการดำเนินงานปี 2561 อีกหุ้นละ 0.39 บาท

‘บมจ.โอสถสภา (OSP)’ ผู้ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคชั้นนำของไทยและในภูมิภาคอาเซียน

โชว์กำไรสุทธิไตรมาส 4/61 อยู่ที่ 789 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 269% ส่งผลให้ปีที่ผ่านมา ทำกำไรสุทธิรวม 3,005 ล้านบาท ขณะที่ยอดขายผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มในประเทศ (รวมซี-วิตและคาลพิส) และกลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนบุคคลยังเติบโตได้ดีต่อเนื่องเช่นกัน ด้านบอร์ดฯ เห็นชอบจ่ายเงินปันผลงวดผลการดำเนินงานปี 2561 อีกหุ้นละ 0.39 บาท และเมื่อรวมกับเงินปันผลระหว่างกาลที่จ่ายไปแล้ว 0.30 บาทต่อหุ้น ส่งผลทั้งปี OSP ได้ให้ผลตอบแทนแก่ผู้ถือหุ้นรวม 0.69 บาทต่อหุ้น หลังเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ

นายเพชร โอสถานุเคราะห์ ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) หรือ OSP 

ผู้ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคชั้นนำของไทยและในภูมิภาคอาเซียน เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานไตรมาส 4/61 (ตุลาคม –ธันวาคม 2561) บริษัทฯ ทำกำไรสุทธิ 789 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 269% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2560 ที่มีกำไรสุทธิ 214ล้านบาท เนื่องจากความสำเร็จโครงการ Fitness First ที่ช่วยให้การบริหารจัดการด้านต้นทุนการผลิตที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ภาพรวมกำไรสุทธิในปี 2561 ทำได้ 3,005 ล้านบาท เป็นไปตามแผนที่วางไว้

ขณะที่ผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มในประเทศนั้นประสบความสำเร็จเป็นไปตามแผน โดยกลุ่มสินค้าเครื่องดื่มบำรุงกำลังของ OSPยังคงรักษาความเป็นผู้นำตลาดไว้ได้อย่างเหนียวแน่น ซึ่งเครื่องดื่มบำรุงกำลังแบรนด์เอ็ม 150 มีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 37.9% จากเดิม 37% และซี-วิต นั้นครองตำแหน่งอันดับ 1 ในตลาดเครื่องดื่มที่มีการเติมส่วนผสม (Functional Drink) ด้วยส่วนแบ่งตลาด25% สำหรับรายได้รวมจากการจำหน่ายเครื่องดื่มในประเทศ (รวมซี-วิตและคาลพิส) ในไตรมาส 4/61 มีอัตราการเติบโต 6.5% เมื่อเทียบกับไตรมาส 4/60

 
( เพชร โอสถานุเคราะห์ )

 

ส่วนกลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนบุคคลในไตรมาส 4/61 เติบโต 7.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นผลมาจากความสำเร็จการทำตลาดผลิตภัณฑ์สำหรับเด็ก เบบี้ มายด์ และผลิตภัณฑ์ทเวลฟ์ พลัส ในประเทศไทย และ กัมพูชา ลาวและเมียนมาร์ แม้ว่าประสบปัญหาภาวะเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นก็ตาม  

ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2562 มีมติเห็นชอบการจ่ายเงินปันผลงวดผลการดำเนินงานในปี 2561 (มกราคม-ธันวาคม)

  • ในอัตราหุ้นละ 0.39 บาท ให้แก่ผู้ถือหุ้นที่มีรายชื่อ ณ วันกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับเงินปันผลในวันที่ 02 พฤษภาคม 2562
  • จ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในวันที่ 23 พฤษภาคม2562 ซึ่งกำหนดขอมติอนุมัติจากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2562 ในวันที่ 24 เมษายน 2562 
  • หากรวมกับการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลที่ได้ดำเนินการจ่ายเงินปันผลไปแล้ว 0.30 บาท เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2562 ที่ผ่านมา ส่งผลให้รอบการดำเนินงานทั้งปี 2561 
  • บริษัทฯ จ่ายเงินปันผลรวมทั้งสิ้น0.69 บาทต่อหุ้น หรือคิดเป็น 2,072.6 ล้านบาท หลังเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ