“ทิสโก้ เวลธ์”...ชูกองทุนกลุ่ม ‘โกลบอล เฮลธ์แคร์’ รับมือวัฏจักรเศรษฐกิจขาลง เหตุกำไรไม่ผันผวน-เติบโตได้ดีในระยะยาว ด้าน “บลจ.ทิสโก้” แนะ 5 กองเกาะกระแส เพิ่มโอกาสในการรับผลตอบแทนที่ดี
นายคมศร ประกอบผล หัวหน้าศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ (TISCO ESU) เปิดเผยว่า ตามปกติกำไรของบริษัทจดทะเบียนจะเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกับวัฏจักรเศรษฐกิจ ซึ่งในยามที่เศรษฐกิจเป็นขาลง ผลกำไรของตลาดหุ้นก็จะหดตัวตามไปด้วย
ดังนั้น กลยุทธ์การลงทุนที่เหมาะสมในช่วงปลายวัฏจักร จึงควรเน้นลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมที่ผลกำไรไม่ผันผวนไปตามเศรษฐกิจโลกมากนัก และยังมีแนวโน้มเติบโตได้ดีในระยะยาว เช่น กลุ่ม ‘Global Health Care’ ซึ่งได้ประโยชน์จาก Megatrend ของสังคมผู้สูงอายุ ทำให้กลุ่มนี้มีกำไรเติบโตได้อย่างต่อเนื่องแม้ในช่วงเศรษฐกิจหดตัว
ยกตัวอย่าง กลุ่ม Health Care ในสหรัฐฯ จากข้อมูลย้อนหลังในช่วงเศรษฐกิจถดถอย 3 ครั้งล่าสุดในปี 1990, 2001 และ 2008 ในช่วงเวลาเดียวกัน ‘กำไร’ ของบริษัทของกลุ่ม Health Care สามารถขยายตัวได้ต่อเนื่องที่ 9%, 9% และ 4% ตามลำดับ ขณะที่กำไรของตลาดหุ้นโดยรวม (ดัชนี S&P50) ลดลงถึง 28%, 22% และ 36% ตามลำดับ
( คมศร ประกอบผล )
“นอกจากนั้นอัตราการขยายตัวในระยะยาวยังดีกว่าตลาดโดยรวม โดยหากนับจากปี 1990-2018 หุ้นในกลุ่ม Health Care ของสหรัฐมีกำไรเติบโต 1,356% สูงกว่าตลาดโดยรวมถึงกว่า 1 เท่าตัว (กำไรของดัชนี S&P500 โต 520% ในช่วงเดียวกัน)”
หากพิจารณาในแง่ของราคา หุ้นกลุ่ม Health Care ในสหรัฐ ปัจจุบันเทรดที่ Forward P/E 15.3 เท่า ต่ำกว่าดัชนีรวม S&P500 ซึ่งเทรดที่ 15.6 เท่า เป็นราคาที่มี Discount จากตลาด ในขณะที่ค่าเฉลี่ยระยะยาว หุ้นกลุ่ม Health Care เทรดที่ P/E Premium จากตลาดราว 10% นับว่ามีความน่าสนใจเป็นอย่างมาก
“ในยามที่เศรษฐกิจโลกอยู่ในช่วงปลายวัฏจักร และความเสี่ยงเศรษฐกิจถดถอยเริ่มทยอยมากขึ้น การตั้งเป้าหมายการลงทุนอาจต้องเปลี่ยนไป จากเดิมที่มุ่งเน้นสร้างผลตอบแทนสูงสุดในยามที่เศรษฐกิจเป็นขาขึ้น เป็นการเน้นการบริหารความเสี่ยงและรักษาเงินต้นในยามที่เศรษฐกิจโลกดูเปราะบางขึ้น โดยในกลุ่ม Global Health Care น่าจะเป็นคำตอบที่เหมาะสมกับภาวะการลงทุนในปัจจุบัน”
นายสาห์รัช ชัฎสุวรรณ ผู้อำนวยการสายการตลาด และที่ปรึกษาการลงทุน บลจ.ทิสโก้ จำกัด กล่าวว่า การลงทุนในเมกะเทรนด์มักจะให้ผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว ปัจจุบันหุ้นกลุ่ม ‘เฮลธ์แคร์’ และกลุ่ม ‘เทคโนโลยี’ ถือเป็นเมกะเทรนด์ที่น่าลงทุนที่สุดในช่วงนี้ เพราะด้วยวิทยาการที่ก้าวหน้าทำให้มนุษย์มีแนวโน้มที่จะมีอายุยืนยาวขึ้นประกอบกับสังคมผู้สูงอายุที่เกิดขึ้นทั่วโลก ยิ่งผลักดันให้ความต้องการดูแลรักษาสุขภาพและการแพทย์เติบโตอย่างต่อเนื่อง ในส่วนของอุตสาหกรรมเทคโนโลยีก็พัฒนาขึ้นมากจนสามารถเข้าไปแทรกซึมอยู่ในอุตสาหกรรม รวมถึงชีวิตประจำวันของมนุษย์ทุกเพศทุกวัยและกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต”
( สาห์รัช ชัฎสุวรรณ )
สำหรับนักลงทุนที่ต้องการได้รับโอกาสการลงทุนที่ดีจากการลงทุนในเมกะเทรนด์ดังกล่าว บริษัทมี 3 กองทุน แนะนำ คือ
- กองทุนเปิด ทิสโก้ โกลบอล ดิจิตอล เฮลธ์ อิควิตี้ (TGHDIGI)
- กองทุนเปิด ทิสโก้ โกลบอล เฮลธ์แคร์ สตาร์ พลัส (TGHSTARP)
- กองทุนเปิด ทิสโก้ โกลบอล เทคโนโลยี อิควิตี้ (TISTECH)
ส่วนกลุ่มประเทศที่น่าสนใจในช่วงนี้ บริษัทมองว่าตลาดหุ้นจีนและไทยสามารถเข้าลงทุนได้ โดยปัจจุบันดัชนีตลาดหุ้นจีนฟื้นตัวอย่างโดดเด่น ผลจากการเจรจาด้านการค้ากับสหรัฐเริ่มมีความคืบหน้า ประกอบกับหุ้นจีนถูกนำเข้ามาคำนวณรวมในดัชนี MSCI และทางการจีนประกาศใช้นโยบายผ่อนคลายและกระตุ้นเศรษฐกิจ อีกทั้งราคาหุ้นยังอยู่ในระดับต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง จึงยังมีโอกาสไปได้ต่อ
“ขณะที่ประเทศไทยมีปัจจัยบวกเรื่องการเลือกตั้งในประเทศรออยู่ ซึ่งหลังจากนี้อาจได้เห็นเม็ดเงินต่างชาติไหลเข้ามาซื้ออีกครั้ง แต่ยังต้องติดตามเรื่องผลการเลือกตั้งว่ารัฐบาลจะมีการรวมพรรคการเมืองใดบ้าง รวมทั้งตัวเลขเศรษฐกิจและผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนไทยที่อาจเติบโตแบบชะลอตัว ดังนั้น การลงทุนในหุ้นไทยจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนหุ้นและกลุ่มอุตสาหกรรมให้เป็นไปตามสถานการณ์”
สำหรับกองทุนในกลุ่มนี้ มี 2 กอง คือ
- กองทุนเปิด ทิสโก้ ไชน่า สตาร์ พลัส (TCHSTARP)
- กองทุนเปิด ทิสโก้ สแตรทิจิก ฟันด์ (TSF)
“ทั้งนี้ กองทุน TGHDIGI, TGHSTARP, TISTECH และ TCHSTARP อาจมีความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนจากการลงทุนในต่างประเทศ จึงมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุนรวม”