นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง เปิดเผยว่า พื้นฐานเศรษฐกิจไทยแข็งแกร่งแม้เศรษฐกิจจะมีปัญหาบ้าง แต่รัฐบาลพยายามประคองให้เดินต่อไปได้ด้วยมาตรการการคลัง ทั้งการส่งเสริมให้เกิดการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ ซึ่งจะทำให้มีผลตอบแทนทางเศรษฐกิจกลับมา 10-20%
ส่วนการช่วยเหลือคนจนด้วยโครงการบัตรสวัสดิการของรัฐไม่มีผลต่อเศรษฐกิจมาก แต่มีผลตอบแทนทางสังคม ซึ่งช่วยให้คนจนมีความเป็นอยู่ดีขึ้น โดยคาดในเดือน มิ.ย.นี้ จะมีคนที่มีรายได้สูงพ้นเส้นแบ่งความยากจนขึ้น 70-80% จากจำนวนที่ได้รับสวัสดิการของรัฐ
( อภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ )
"เมื่อรัฐบาลนี้เข้ามาใหม่ๆ เศรษฐกิจแย่มาก แต่วันนี้เศรษฐกิจดีขึ้นมากแล้ว ก็ต้องประคองให้อยู่ในระดับนี้ต่อไป ซึ่งการยุบพรรคไทยรักษาชาติไม่ได้มีผลต่อเศรษฐกิจและความเชื่อมั่นของนักลงทุน เพราะมีพรรคการเมืองให้เลือกอีกหลายพรรคและมีนโยบายที่ดี ส่วนหลังการเลือกตั้งจะเกิดความวุ่นวายหรือไม่ เรื่องนี้อยู่ที่ประชาชนเลือกถูกพรรคหรือไม่ ถ้าเลือกพรรคที่ถูกก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร" นายอภิศักดิ์ กล่าว
สำหรับกรณีที่ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้กล่าวว่า ภูมิต้านทานด้านการคลังของไทยต่ำกว่าที่คิด หากไม่ปรับประสิทธิภาพการใช้จ่ายและลดขนาดของภาครัฐ อาจทำให้ฐานะการคลังมีปัญหาในอนาคต แทนที่จะสร้างความยั่งยืนทางเศรษฐกิจ และอีก 12 ปีงบประมาณจึงจะกลับมาสมดุลได้ เป็นการแสดงความคิดเห็นที่ทุกฝ่ายต่างมีหน้าที่ของตัวเอง ทางด้านการคลังทำเต็มที่แล้ว ด้านนโยบายการเงินได้ทำดีหรือยัง
"จะคิดว่า ธปท.ไม่มีหน้าที่ในการ กระตุ้นเศรษฐกิจก็คิดได้ แต่ที่ได้มาทำสัญญากับกระทรวงการคลังทุกปีว่าจะทำให้เศรษฐกิจมีเสถียรภาพและเติบโตได้เต็มศักยภาพ ธปท.ได้ทำหรือยัง" รมว.คลัง กล่าว
นายอภิศักดิ์ กล่าวว่า สิ่งที่รัฐบาลใหม่ไม่ควรทำคือ การทำนโยบายอะไรที่จะทำให้เศรษฐกิจชะลอตัวลงมาต่ำกว่า 4% หากเศรษฐกิจไม่ตกทุกอย่างก็จะดีขึ้นเรื่อยๆ ขณะนี้ทุกพรรคการเมืองหาเสียงด้วยการชูนโยบายใหม่ๆ ออกมา ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีและอยากให้ทำตามนโยบายที่หาเสียงไว้ให้ได้