ปฏิเสธไม่ได้ว่าเทคโนโลยีเข้ามามีผลกระทบกับชีวิตประจำวันของผู้คนอย่างมาก ทั้งในด้านการติดต่อสื่อสาร ที่มีประสิทธิภาพสูง ไม่เว้นแม้แต่ภาคธุรกิจที่จะได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะการออกแบบที่มีประสิทธิภาพ โดยหนึ่งในระบบที่ภาคธุรกิจมีความต้องการปรับเปลี่ยนมากที่สุด คือ System Integrator หรือ SI ที่ถือว่าเป็นหัวใจสำคัญของภาคการสื่อสารและโทรคมนาคม
โดย SI คือ การออกแบบระบบคอมพิวเตอร์และระบบสื่อสารคอมพิวเตอร์ ให้สามารถทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งคนทั่วไปอาจจะไม่ค่อยคุ้นเคยกับธุรกิจประเภทนี้นัก เพราะแทบไม่มีส่วนร่วมในชีวิตประจำวันเลย แต่ SI กลับมีความสำคัญกับหน่วยงานภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ อาทิ TOT และ CAT ตลอดจนบริษัทเอกชนต่างๆ เพราะจำเป็นต้องใช้ฐานระบบและข้อมูลเพื่อบริหารจัดการการทำงานภายใน ยิ่งปัจจุบันยุคสมัยเปลี่ยนไป เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทมากขึ้น ทำให้ความต้องการใช้ฐานข้อมูลเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
เมื่อเทคโนโลยีเปลี่ยน ธุรกิจต้องเปลี่ยนตาม....
จากยุคสมัยที่เปลี่ยนไปทำให้องค์กรธุรกิจต่างๆ เริ่มตื่นตัวจาก Disruption มากขึ้น เพราะหากหยุดนิ่งอยู่กับที่ ในไม่ช้าธุรกิจคงถูกกลืนหายไปตามกาลเวลา การนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในการทำงานหรือ Transform ธุรกิจเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงจึงเป็นหัวใจสำคัญ ดังนั้นบริษัทที่ประกอบธุรกิจเป็นผู้ให้บริการด้าน SI น่าจะได้รับประโยชน์ค่อนข้างมาก
การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นเป็นโอกาสที่สำคัญให้กับ บริษัท แอ็ดวานซ์ อินฟอร์เมชั่น เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ AIT ถือเป็นอีกหนึ่งผู้เชี่ยวชาญที่ให้บริการและติดตั้งระบบเครือข่ายเทคโนโลยีสารสนเทศแบบครบวงจร มายาวนานกว่า 20 ปี โดยมีธุรกิจหลัก คือ ให้บริการด้าน SI อย่างครบวงจร ได้รับความไว้วางใจและเลือกใช้บริการจากหลายหน่วยงาน ไม่ว่าจะเป็น Service Provider , หน่วยงานราชการและรัฐวิสาหกิจขนาดใหญ่ , กลุ่มธนาคาร สถาบันการเงินและบริษัทประกัน , โรงพยาบาล , โรงแรม , อุตสาหกรรม และภาคเอกชนอื่นๆ
ให้บริการเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารโทรคมนาคมครบวงจร
จากที่อ่านมาข้างต้นอาจจะเข้าใจว่า AIT ทำธุรกิจแค่อย่างเดียว แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่เลย AIT มีธุรกิจให้บริการถึง 7 ธุรกิจด้วยกัน ได้แก่
- System Integrator (SI) คือ การรวมองค์ประกอบด้านต่างๆมาเป็นระบบ ICT เดียว หรือเป็น solution เดียวเพื่อนำเสนอให้ลูกค้าแบบเบ็ดเสร็จ
- Cloud Implementer คือ ธุรกิจสร้างระบบคลาวด์ (Cloud)
- Data Virtualization (DV) คือ การสร้างข้อมลูขององค์กรที่มีอยู่จำนวนมากมหาศาล หรือ Big Data
- Security คือ สร้างความปลอดภัยของข้อมลูในระบบคอมพิวเตอร์และสื่อสาร
- Internet of Things หรือ IOT คือ นำอุปกรณ์ต่างๆ เช่น เครื่องจักร เครื่องกล เครื่องเล่น หรือเครื่องใช้ต่างๆ มาเชื่อมต่อเข้ากับอินเตอร์เน็ต (internet) เพื่อใช้งานให้มีประสิทธิภาพ และลดค่าใช้จ่าย
- Software คือ ธุรกิจโปรแกรมใช้งาน (Application Software) ซอฟต์แวร์ระบบ (System Software) และซอฟต์แวร์เครือข่ายที่กำหนด (Software Define Network หรือ SDN) ที่จะช่วยให้การบริหารจัดการระบบเครือข่าย (Network) ขององค์กรได้ง่ายขนึ้
และสุดท้าย 7. การลงทุนในธุรกิจที่สร้างผลตอบแทนในระยะยาวและต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ธุรกิจ Start Up ที่เป็นนวัตกรรมที่เกิดจากความคิดสร้างสรรค์
โดยปีที่ผ่าน AIT มีรายได้ 4,237.6 ล้านบาท ลดลง 21.5% และมีกำไรสุทธิ 275 ล้านบาท ลดลง 45.1% จากปี 2560 สาเหตุมาจากภาครัฐใช้งบประมาณลงทุนโครงสร้างพื้นฐานและการคมนาคมมากกว่าการลงทุนด้านเทคโนโลยีและการสื่อสาร ทำให้ภาพรวมการใช้งบในส่วนนี้ไม่ได้เพิ่มขึ้น อีกทั้งกระบวนการจัดซื้อยังล้าทำให้ต้องเลื่อนการประมูลโครงการขนาดใหญ่ออกไป รวมถึงการแข่งขันในอุตสาหกรรมที่สูงขึ้น ทำให้รายไดและกำไรของ AIT ลดลง
แบ็กล็อคสูงเป็นประวัติการณ์
สำหรับปี 2562 คุณศิริพงษ์ อุ่นทรพันธุ์ ประธานคณะกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ มองว่าการประมูลงานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารของภาครัฐและภาคเอกชนจะฟื้นตัวดีขึ้น ช่วยสนับสนุนการดำเนินงานให้เติบโตต่อเนื่อง ซึ่งล่าสุด AIT ได้รับงานโครงการจ้างงานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ มูลค่ารวมกว่า 3,351 ล้านบาท ทำให้มีงานในมือ (แบ็กล็อก) ถึง 6,800 ล้านบาท สูงสุดเป็นประวัติการณ์ หรือเติบโตกว่าค่าเฉลี่ยปกติ 2 เท่า
อีกทั้งยังเตรียมเข้าประมูลงานใหม่เพิ่มเติม มูลค่ารวมประมาณ 13,200 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นงานวางระบบของภาครัฐ และยังอยู่ระหว่างรอประกาศผลประมูลงาน มูลค่า 143 ล้านบาท รวมถึงอยู่ระหว่างรอคำสั่งซื้ออีกราว 172 ล้านบาท ดังนั้น ภาพรวมการเติบโตของ AIT ในปีนี้น่าจะเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ 5,000 ล้านบาท หรือมากกว่าปีก่อน 18% ได้อย่างแน่นอน
นอกจากนี้ AIT ยังเตรียมเงินไว้ประมาณ 150 ล้านบาท เพื่อเข้าลงทุนเพิ่มใน “คัม ปานา” บริษัทผู้ประกอบธุรกิจไฟออฟติคเคเบิ้ลใต้น้ำ ในประเทศเมียนมาร์ ซึ่งปัจจุบัน AIT ถือหุ้นอยู่ประมาณ 17% แต่เร็วๆนี้ คัม ปานา จะมีการเพิ่มทุน ซึ่งจะมีกลุ่มพันธมิตรขนาดใหญ่จากประเทศญี่ปุ่นเข้ามาถือหุ้น ทำให้บริษัทเตรียมวงเงินดังกล่าวไว้ใส่ตอนเพิ่มทุนเพื่อรักษาระดับการถือหุ้นไม่ให้ต่ำกว่า 10%
เรียกได้ว่าให้บริการและติดตั้งระบบเครือข่ายเทคโนโลยีสารสนเทศแบบครบวงจรจริงๆ แต่นอกเหนือจากประมูลงานต่างๆ เพื่อสร้างรายได้แล้ว AIT ยังให้ความสำคัญกับบุคลากร ด้วยการพัฒนาและเสริมสร้างทักษะเฉพาะทางแก่ทีมวิศวกรตามกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย เพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าและเกิดประโยชน์สูงสุด ประกอบกับการมองหาโอกาสการลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ ที่สามารถนำมาต่อยอดให้กับธุรกิจหลักเพื่อสร้างการเติบโตที่ยั่งยืน