TIGER คว้างานก่อสร้าง “นิคมฯสะเดา” จ.สงขลา 540 ลบ.

>>

TIGER คว้างานโครงการนิคมอุตสาหกรรมในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษสงขลา ระยะที่ 1 อ.สะเดา จ.สงขลา มูลค่า 540 ล้านบาท เผยเป็นก่อสร้างอาคาร ปรับปรุงระบบพื้นที่ และสาธารณูปโภค พร้อมเริ่มงานวันที่ 17 เม.ย.นี้ “จตุรงค์ ศรีกุลเรืองโรจน์" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ระบุผลงานไตรมาส1/62 สัญญาณดีเติบโตได้ตามเป้าหมาย จากงานในมือรอรับรู้รายได้เพิ่มขึ้น ล่าสุดแตะ 1200 ล้านบาท พร้อมเดินหน้ายื่นประมูลงาน ทั้งโครงการระยะสั้นและยาว มูลค่า 2.9 พันล้านบาท คาดรู้ผลภายในปีนี้

นายจตุรงค์ ศรีกุลเรืองโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทย อิงเกอร์ โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ TIGER เปิดเผยว่า บริษัท ไทย อิงเกอร์ จำกัด (TEC) ซึ่งเป็นบริษัทแกนของบริษัทฯ ได้รับงานก่อสร้างใหม่ จำนวน 1 โครงการ มูลค่า 538.22 ล้านบาท คือ โครงการนิคมอุตสาหกรรมในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษสงขลา ระยะที่ 1 อ.สะเดา จ.สงขลา โดยมีขอบข่ายเป็นงานปรับปรุงพื้นที่ ถนน ระบบระบายน้ำ ระบบสาธารณูปโภค และงานอาคารที่เกี่ยวข้อง



สำหรับเจ้าของโครงการได้แก่ การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย โดยมีผู้ว่าจ้างเป็นบริษัท พี.ที.เอ.คอนสตรัคชั่น จำกัด ซึ่งมีระยะเวลาการดำเนินงาน 540 วัน หลังเริ่มงานก่อสร้าง โดยทางเจ้าของโครงการตกลงให้ TEC เริ่มงานก่อสร้างวันที่ 17 เมษายน 2562

ทั้งนี้ ที่ผ่านมา บริษัทเดินหน้าประมูลงานอย่างต่อเนื่อง โดยมีทั้งโครงการระยะสั้น และระยะยาว ซึ่งปัจจุบันได้ยื่นประมูลงานไปแล้วมูลค่ารวมกว่า 2.9 พันล้านบาท และคาดว่าทุกโครงการจะรู้ผลสรุปได้ภายในปีนี้

"ภาพรวมผลประกอบการในงวดไตรมาส1/62 ปีนี้เท่าที่ประเมินเบื้องต้นคาดว่าจะเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ เนื่องจากมีงานในมือรอรับรู้รายได้รออยู่และบริษัทสามารถประมูลงานได้เพิ่มขึ้นส่งผลให้ปัจจุบันมีแบ็คล็อกตุนไว้ประมาณ 1,200 ล้านบาท ขณะที่ได้รับงานใหม่ในโครงการนิคมฯอ.สะเดาจะช่วยสนับสนุนให้ผลประกอบการในไตรมาส 2/62 มีแนวโน้มที่ดีต่อเนื่อง"นายจตุรงค์กล่าว

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวว่าในปี 2562 บริษัทตั้งเป้าหมายการเติบโตรายได้ก้าวกระโดดหรือมากกว่า 50%จากงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากจะทยอยรับรู้รายได้จากงานในมือรับรู้รายได้ รวมกับรายได้จากธุรกิจจำหน่ายวัสดุก่อสร้างที่คาดว่าจะเติบโตอย่างก้าวกระโดด

ในปีนี้ บริษัทฯ มีความพร้อมเข้าร่วมประมูลงานก่อสร้างทั้งภาครัฐ และเอกชน โดยมีสัดส่วนเท่าๆ กัน ในส่วนงานภาคเอกชน บริษัทฯ ได้ยื่นประมูลงานก่อสร้างโรงแรมทั้งในกรุงเทพ และจังหวัดท่องเที่ยวในโครงการเดิมที่มีสัญญาหลักอยู่แล้ว และโครงการใหม่ รวมมูลค่ากว่าหนึ่งพันล้านบาท นอกจากนี้ ยังเข้าร่วมประมูลโครงการก่อสร้างโรงงานผลิตเอทานอล และอาคารที่เกี่ยวข้อง รวมมูลค่า 900 ล้านบาท เป็นต้น

อนึ่ง ผลการดำเนินงานในงวดปี2561 มีกำไรสุทธิ 89.77 ล้านบาท โดยเป็นกำไรจากธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง 82.70 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 23.76% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิของส่วนงานที่ 66.82 ล้านบาท ส่วนรายได้ปี 2561 อยู่ที่ 780.46 ล้านบาทเพิ่มขึ้น26.93% จากปีงวดเดียวกันปีก่อนมีรายได้รวมอยู่ที่ 614. 85 ล้านบาท

สัดส่วนรายได้โครงการของเอกชน ประเภทงานกลุ่มโรงแรมและรีสอร์ทเพิ่มขึ้นเป็น 29.73% จากงวดเดียวกันปีก่อนอยู่ที่ 13.56% สัดส่วนรายได้จากธุรกิจจำหน่ายวัสดุก่อสร้าง มีสัดส่วนสูงขึ้นเป็น 8.84% จากงวดเดียวกันปีก่อนอยู่ที่ 0.64%

นอกจากนี้ ที่ประชุมกรรมการบริษัทฯ มีมติให้เสนอที่ประชุมผู้ถือหุ้นพิจารณาจ่ายเงินปันผล สำหรับผลการดำเนินงานงวดปี 2561 ให้แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัท ในอัตราหุ้นละ 0.10 บาท คิดเป็นเงินทั้งสิ้น 46 ล้านบาท ทั้งนี้จะจัดการประชุมผู้ถือหุ้นในวันที่ 5 เมษายน 2562 โดยกำหนดจ่ายเงินปันผลภายในวันที่ 3 พฤษภาคม 2562