EA กับความฝันธุรกิจไฟฟ้าครบวงจร

>>

พลังงานไฟฟ้าถือเป็นเมกะเทรนด์ที่มาแรงที่สุดในนาทีนี้ ไม่เพียงแค่ในประเทศไทยเท่านั้น แต่เป็นกระแสของโลกซึ่งเกิดจากหลากหลายปัจจัยทั้ง ภาวะโลกร้อนที่รุนแรงมากขึ้นทุกวัน มลพิษจากการใช้พลังงานจากฟอสซิล ภัยธรรมชาติที่รุนแรงขึ้นทุกปี ทั้งน้ำท่วมภัยแล้งที่รุนแรงมากกว่าปกติ น้ำทะเลสูงขึ้นเรื่อยๆจนแทบจะทำให้หมีขาวที่น่ารักกำลังจะหายไปจากโลก   


ในทางตรงกันข้ามความรุนแรงของภัยธรรมชาติ ทำให้เกิดกระแสการใช้พลังงานที่สะอาด ทำให้โลกต้องเกิดกาiเปลี่ยนแปลงที่สำคัญต้องพึ่งพบพลังงานไฟฟ้า  ในมุมผู้ผลิตไฟฟ้าเกิดการผลิตไฟฟ้ารูปแบบใหม่ๆ ทั้งจากการผลิตไฟฟ้าจากโซลาร์เซลล์และโรงไฟฟ้าพลังงานขยะ ส่วนในมุมของผู้บริโภคเกิดกระแสของรถยนต์ไฟฟ้าที่จะเข้าในปฏิวัติวงการยานยนต์ภายเวลา 5- 10 ปีข้างหน้าอย่างแน่นอน


EA  คือใคร

หนึ่งในผู้ทะเยอทะยานในการเป็นผู้นำธุรกิจโรงไฟฟ้าครบวงจรตลาดหุ้นไทย ขณะนี้หนีไม่พ้นบริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA  ภายใต้การนำของ สมโภชน์  อาหุนัย  ประธานคณะกรรมการบริหาร ที่ผันตัวจากการเป็นผู้บริหารบริษัทหลักทรัพย์รุ่นใหม่ไฟแรง เป็นผู้นำธุรกิจพลังงานทดแทน


ปั้นบริษัทให้เติบโตจนขณะนี้มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดอยู่ที่ 1.7 แสนล้านบาท ทั้งนี้ การทำธุรกิจของ EA ในยุคเริ่มต้น เกิดจากการผลิตน้ำมันไบโอดีเซล  ก่อนที่จะเห็นโอกาสของพลังงานทดแทนในด้านโรงไฟฟ้าพลังงานลม และโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ก่อนต่อยอดธุรกิจอย่างต่อเนื่อง และล่าสุด EA เริ่มรุกเข้าสู่น่านน้ำใหม่ ธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้า และโรงงานแบตเตอรี่ รวมถึงธุรกิจเรือไฟฟ้า ที่หมายมั่นจะเป็นเรือธงสร้างรายได้ในอนาคต


จนย่างก้าวปัจจุบัน EA ดำเนินธุรกิจหลัก 5 ธุรกิจ

1.ธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำมันไบโอดีเซล (B100) กลีเซอรีนบริสุทธิ์ และผลิตภัณฑ์พลอยได้

2.ธุรกิจผลิตและจำหน่ายกระแสไฟฟ้าจากพลังงานทดแทน 

3.ธุรกิจพัฒนาและผลิตแบตเตอรี่ 

4.ธุรกิจบริการสถานีอัดประจุไฟฟ้า และสถานีบริการน้ำมัน เชื้อเพลิงอื่นๆ เพื่อยานยนต์ทุกประเภท รวมถึงกิจการขายปลีกสินค้า ในร้านค้าปลีกทั่วไป ร้านสะดวกซื้อ และธุรกิจศูนย์การค้า พร้อมการให้บริการด้านโลจิสติก

5.ธุรกิจวิจัย และพัฒนาธุรกิจใหม่ๆ

 

 

ภาพธุรกิจในปัจุจบัน EA มีกำลังการผลิตจากโซลาร์ ฟาร์ม 278 MW โรงไฟฟ้าพลังงานลม 368 MW  ในปีที่ผ่านมาสามารถผลิตไฟฟ้าได้ทั้งสิ้น 894 ล้านหน่วยเลยทีเดียว ส่วนธุรกิจ ไบโอดีเซล มีกำลังการผลิต 8 แสนลิตรต่อวัน  ผลการดำเนินงานในช่วงที่ผ่านมาเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยในปี 2561 มีกำไรสุทธิ  4,975 ล้านบาทเพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ 3,817.45 ล้านบาท

 

โรงงานแบตเตอรี่ อาวุธลับสร้างการเติบโต


แม้ EA จะเป็นหนึ่งในบริษัทพลังงานทดแทนยักษ์ใหญ่ในไทยตอนนี้ แต่ที่ผ่านมา EA ถูกมองว่ากำลังอยู่ในสภาวะของหยุดการเติบโตจากโครงการโรงไฟฟ้าในมือที่ไม่มีโครงการใหม่ แต่ไม้ตายของ EA ยังไม่หมด เมื่อ EA เดินหน้าเปิดธุรกิจใหม่ คือ ธุรกิจโรงงานผลิตแบตเตอรี่ โดยเข้าซื้อหุ้นบริษัท Amita Technologies   ซึ่งเป็นผู้ผลิตแบตเตอรี่สัญญาชาติไต้หวัน ในสัดส่วน 77% พร้อมกับเดินหน้าก่อสร้างโรงงานผลิตแบตเตอรี่กำลังการผลิต 1 GWh ภายในปีนี้ โดยมีเป้าหมายจะต้องมีกำลังการผลิตอยู่ที่ 50 GWh ภายในปี 2021  


โรงงานแบตเตอรี่เป็นรากฐานที่สำคัญของการต่อยอดธุรกิจ EA ในอนาคต เพราะหากต้องการลงไปเล่นในธุรกิจปลายน้ำ แบตเตอรี่จะเป็นบันไดก้าวสำคัญที่จะทำให้ EA สามารถยึดครองตลาดและสร้างการเติบโตได้


EA ต่อยอดธุรกิจใหม่ไปพร้อมๆ กับโรงงานแบตเตอรี่ โดยให้ความสนใจไปยังการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งจะเป็นธุรกิจใหม่  โดยสร้างแบรนด์ MINE มีรถยนต์รถยนต์รุ่นแรกคือ  Mine SPA ราคาคันละไม่เกิน 1.2 ล้านบาท เบื้องต้นได้ผูกกับสหกรณ์แท็กซี่ในการนำรถไปใช้เพื่อสร้างการทดสอบรถยนต์ในระยะยาวด้วย


ขณะเดียวกันเพื่อให้แผนการรถยนต์ไฟฟ้าประสบความสำเร็จ EA จึงสร้างเครือข่ายที่ชาร์จไฟฟ้า EA anywhere ที่จะช่วยให้รถไฟฟ้าทั้ง EA และค่ายรถยนต์อื่นๆสามารถชาร์จได้ ช่วยให้อุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าของไทยเติบโตได้อย่างก้าวกระโดดในอนาคต โดยมีเป้าหมาย 1,000 สถานี ถึงปลายเดือน มี.ค.ที่ผ่านมาติดตั้งไปแล้ว 1 พันหัวจ่าย ใน 100 สถานี 


ไม่เพียงเท่านี้ EA ยังปักธงธุรกิจเรือไฟฟ้า เป้าหมายคือก่อสร้างเรือ 54 ลำ โดยปักธงว่าปลายปีนี้จะมีเรือ 20 ลำ ให้บริการในแม่น้ำเจ้าพระยา โดยจะวิ่งให้บริการในท่าเรือของกรมเจ้าท่า ช่วยลดมลภาวะทางเสียงและไม่ปล่อยไอเสียอีกด้วย  ส่วนธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนที่มีอยู่เดิม EA มีแผนจะสร้างโรงไฟฟ้าที่ใส่แบตเตอรี่เข้าไปด้วยเพื่อช่วยเก็บพลังงานไฟฟ้าในช่วงที่ผลิตได้เกินความต้องการ และนำใช้ชดเชยในช่วงที่ผลิตไฟฟ้าได้ต่ำ ช่วยลดการพึ่งพิงการใช้ไฟฟ้าจากฟอสซิลได้มาก


EA ในสายตานักวิเคราะห์ กับอนาคตที่เป็นปริศนา ?


บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย ) มองว่า
กำไรในไตรมาสที่ 1 / 2562 เร่งการฟื้นตัวเด่น จากการผลักดันของโครงการลมหาดกังหันและกำลังการผลิตใหม่อีกอย่างน้อย 90 MW จากโครงการหนุมานทำให้กำลังการผลิตรวมในไตรมาสนี้จะเพิ่มขึ้นอีกอย่างน้อย 22% จากสิ้นปี 2561 ซึ่งระหว่างการเข้าสู่วงจรการลงทุนใหญ่อีกครั้งในปี 2562 ซึ่งจะส่งผลอย่างมีนัยสำคัญต่อ กำไร และ ความเสี่ยง ในปี 2563 จึงมองว่า valuation ที่ให้ไว้ 52.00 บาท/ หุ้น ซึ่งอิงเฉพาะธุรกิจในปัจจุบัน จนกว่าจะมีความชัดเจนในแง่รายได้ของโครงการใหม่ๆ


อย่างไรก็ตามแม้โปรเจคของ EA ที่กล่าวในข้างต้นอาจไม่ต่างกับการวาดวิมานในอากาศให้กับนักลงทุน เพราะยังต้องเผชิญกับความท้าทายอย่างมากมาย ทั้งต้นทุนของแบตเตอรี่ที่อยู่ในระดับสูงมากและความท้าทายว่า ท้ายที่สุด MINE ของ EA จะแจ้งเกิดได้อย่างที่คาดหวังไว้หรือไม่


งานนี้จะเป็นบทพิสูจน์ที่ยิ่งใหญ่ของ CEO สมโภชน์  อาหุนัย  ที่จะนำพา EA ถึงฝั่งฝันได้หรือเปล่า แต่ด้วยการวางรากฐานของบริษัทฯ ที่แข็งแกร่ง และมีเป้าหมายที่ชัดเจน น่าจะทำให้วิมานในอากาศนั้นเป็นจริงได้อย่างไม่ยากเย็น......