GPI มั่นใจความสำเร็จงานมอเตอร์โชว์ครั้งที่ 40 ดันรายได้ไตรมาสแรกตามเป้า
>>
Hightlight
- บมจ.กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล หรือ GPI ประเมินงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 40 หนุนรายได้ไตรมาส 1/62 ตามเป้าหมาย หลังมีอัตราเช่าพื้นที่เต็ม มีผู้เข้าชมงานตลอดการจัดงาน 12 วัน รวม 1.6 ล้านคน
- ยอดจองซื้อรถในงานรวม 49,278 คัน
- เตรียมนำฐานข้อมูล Big Data จากการสำรวจพฤติกรรมผู้ชมงาน
มาวิเคราะห์ต่อยอดเพื่อนำเสนอบริการทางการตลาดใหม่ๆ และวางแผนจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาด ให้กับผู้ประกอบการยานยนต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
นายจาตุรนต์ โกมลมิศร์ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการด้านการตลาดและการขาย บริษัทกรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ GPI เปิดเผยว่า ภาพรวมการจัดงาน The 40th Bangkok International Motor Show หรืองานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 40 ซึ่งเป็นงานมหกรรมยานยนต์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในภูมิภาคอาเซียนเมื่อวันที่ 27 มีนาคม – 7 เมษายนที่ผ่านมา ถือว่าประสบความสำเร็จเป็นที่น่าพอใจและจะส่งผลดีต่อภาพรวมผลการดำเนินงานไตรมาส 1/62 เติบโตได้ตามเป้าหมาย โดยการจัดงานครั้งนี้มีผู้ประกอบการยานยนต์และจักรยานยนต์ชั้นนำ เข้าร่วมออกบูธรวมทั้งสิ้นกว่า 50 ราย และมีการเปิดตัวรถรุ่นใหม่รวมถึงนวัตกรรมยานยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าเป็นเชื้อเพลิงอย่างคึกคัก
จาตุรนต์ โกมลมิศร์
ทั้งนี้การจัดงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 40 มีอัตราการเช่าพื้นที่เต็ม โดยมีผู้เข้าชมงานตลอด 12 วัน รวมประมาณ 1.6 ล้านคน และมียอดจองซื้อรถทุกประเภทภายในงานรวม 49,278 คัน แบ่งเป็นรถยนต์ 37,769 คัน รถยนต์ไฟฟ้า (EV) 6,166 คัน และจักรยานยนต์ 5,343 คัน ซึ่งจะช่วยสนับสนุนภาพรวมอุตสาหกรรมยานยนต์ในปีนี้ โดยผู้ประกอบการยานยนต์ส่วนใหญ่พอใจกับผลตอบรับภายในงานและได้แสดงความสนใจจองพื้นที่ออกบูธจัดแสดงยานยนต์ในปีถัดไป ขณะที่การจัดงานครั้งที่39 เมื่อปีที่ผ่านมา มีผู้เข้าชมรวมประมาณ 1.62 ล้านคน มียอดจองซื้อรถรวม 42,499 คัน แบ่งเป็นรถยนต์ 36,587 คัน และจักรยานยนต์ 5,912 คัน
“งานมอเตอร์โชว์ที่เพิ่งปิดฉากไปเมื่อเร็วๆ นี้ ถือว่ามีผลตอบรับอยู่ในระดับที่น่าพอใจ ทั้งในด้านการจองพื้นที่ออกบูธจากค่ายผู้ผลิตยานยนต์ ยอดจองรถและจำนวนผู้เข้าชมงาน ปัจจัยนอกจากการเปิดตัวรถรุ่นใหม่ๆ การจัดโปรโมชั่นส่งเสริมการขาย รวมถึงความน่าสนใจอื่นๆ เช่น การเฉลิมฉลองการจัดงานเป็นครั้งที่ 40 ทั้งยังได้รับปัจจัยบวกจากภาพรวมอุตสาหกรรมยานยนต์ที่มีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา” นายจาตุรนต์ กล่าว
นายพีระพงศ์ เอี่ยมลำเนา ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการด้านผลิตสื่อ GPI กล่าวว่า ในการจัดงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 40 ที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้มุ่งเน้นกลยุทธ์แบบ O2O หรือการเชื่อมออฟไลน์เข้ากับออนไลน์เพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่แก่ลูกค้าในยุคดิจิทัล และการจัดเก็บฐานข้อมูลผู้เข้าชมงานได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยมีการปรับเปลี่ยน 3 ส่วน ได้แก่
- การร่วมมือเป็นพันธมิตรกับธนาคารกสิกรไทยจำหน่ายบัตรเข้าชมงานผ่านแอพพลิเคชั่นเคพลัส ทำแคมเปญจำหน่ายตั๋วล่วงหน้าก่อนเริ่มงาน 40 วันในราคาพิเศษใบละ 40 บาท และในช่วงที่จัดงานราคาใบละ 80บาท (ราคาปกติใบละ 100 บาท)
- การตอบแบบสอบถามเพื่อชิงรางวัลสำหรับผู้ที่ซื้อบัตรเข้างานได้เปลี่ยนรูปแบบเป็นการกรอกแบบสอบถามทางออนไลน์ ด้วยการพิมพ์ QRCode ลงบนบัตร
- การเปิดตัวแอพพลิเคชั่น CAR BUDDY BY GPI ให้ลูกค้าใช้รหัส E-Ticket Code ด้านหลังบัตรอภินันทนาการกรอกในแอพพลิเคชั่นเพื่อสร้างตั๋วเข้าชมงานในสมาร์ทโฟน โดยมียอดดาวน์โหลดหลักแสนครั้ง
ข้อมูลบิ๊กดาต้าจากผู้เข้าร่วมงานมอเตอร์โชว์
ขณะเดียวกันได้ร่วมมือกับบริษัท วายดีเอ็ม (ไทยแลนด์) จำกัด หรือ YDM ซึ่งเป็นผู้นำการให้บริการดิจิทัล มาร์เก็ตติ้ง โซลูชั่น เก็บรวบรวม Big Data หรือฐานข้อมูลขนาดใหญ่ ที่ได้มาจากการสำรวจเจาะลึกพฤติกรรมผู้เข้าชมงานมอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 40 ในแง่มุมต่างๆ และนำมาวิเคราะห์พฤติกรรมเกี่ยวกับความต้องการยานยนต์ เพื่อนำเสนอข้อมูลที่น่าสนใจดังกล่าวให้แก่ผู้ประกอบการยานยนต์ที่ต้องการทำการตลาดกับผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมาย รวมถึงนำ Big Data มาต่อยอดนำเสนอบริการทางการตลาดใหม่ๆ ตลอดวางแผนทำกิจกรรมส่งเสริมการตลาดกับกลุ่มผู้บริโภคได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้บริษัทฯ ตั้งเป้าสร้างรายได้จากธุรกิจใหม่การจัดแข่งขัน eRacing Sport ซึ่งเป็นการต่อยอดประสบการณ์จากการรับจัดแข่งขันมอเตอร์สปอร์ต โดยบริษัทฯ ร่วมมือกับพันธมิตรบริษัท ดูทีวี มีเดีย จำกัด และบริษัท คอมเมอร์เชียล ซายส์ จำกัด เปิดตัวการแข่งขันเกมส์แข่งรถออนไลน์ GranTurismo Sport (GT Sport) สนามแรก ผ่านระบบ Live Streaming ในงานมอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 40 เป็นที่เรียบร้อย ซึ่งการจัดแข่งขันดังกล่าวได้รับลิขสิทธิ์จากผู้ผลิตเกมและรับรองการแข่งขันจากราชยานยนต์สมาคมแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์อย่างถูกต้อง
ส่วนในช่วงที่เหลือของปีนี้บริษัทฯ เตรียมจัดการแข่งขันอีก 3 สนาม เริ่มจากเดือนกรกฎาคมนี้ที่จังหวัดขอนแก่น เดือนตุลาคมนี้ที่จังหวัดเชียงใหม่ และเดือนธันวาคมนี้จะกลับมาจัดการแข่งขันที่กรุงเทพฯ ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซ่า ลาดพร้าว เพื่อเฟ้นหาผู้ชนะเลิศเป็นตัวแทนการแข่งขันระดับนานาชาติต่อไป โดยบริษัทฯ ตั้งเป้าหมายมีรายได้จากค่าสปอนเซอร์จัดแข่งขัน eRacing Sport ในปีนี้ ประมาณ 12 ล้านบาท