รัฐเล็งคลอดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเดือน พ.ค.นี้

>>

"สมคิด"สั่งคลังเตรียมมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอีกรอบหวังดันจีดีพีให้โตต่อเนื่อง จ่อชงครม. พ.ค.นี้ กำชับอุตสาหกรรมเร่งสรุปประมูลไฮสปีด3สนามบิน


นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี
เปิดเผยว่า ได้ให้เวลากระทรวงการคลัง 2 สัปดาห์ เพื่อเตรียมมาตรการที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจให้ขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่ากระทรวงการคลังจะเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ได้ในต้นเดือนพ.ค.นี้


สำหรับการเข้ามาตรวจเยี่ยมและให้นโยบายกับผู้บริหารกระทรวงอุตสาหกรรมในฐานะกระทรวงเศรษฐกิจหลักให้มีการทำงานอย่างต่อเนื่อง ส่วนใดที่เป็นนโยบายสำคัญต่อเศรษฐกิจก็ให้ทำต่อไม่ต้องรอรัฐบาลใหม่


ทั้งนี้ ในระยะที่ผ่านมาเศรษฐกิจไทยสามารถขยายตัวได้ดี เป็นพื้นที่เป้าหมายของนักลงทุนต่างประเทศการเติบโตขยายตัวจาก 0.9% ในช่วงที่รัฐบาลนี้เข้ามาใหม่ๆ ต่อเนื่องมากแตะเหนือ 4% แต่เมื่อเข้าสู่การเลือกตั้งปรากฏว่าทุกอย่างเริ่มหยุดลงจนน่าแปลกใจว่าหยุดได้อย่างไร โดยในส่วนของนักลงทุนเองก็มีการหยุดเพื่อดูนโยบายของรัฐบาล ซึ่งก็ต้องเข้าใจเพราะนักลงทุนก็เป็นเจ้าของเงินเป็นหมื่นล้าน แสนล้านบาท


นอกจากนี้ ยังเป็นที่น่าสังเกตว่าการจับจ่ายใช้สอยของประชาชนในช่วงเลือกตั้งไม่ค่อยคล่องตัว หมุนเวียนน้อยเมื่อเทียบกับการเลือกตั้งครั้งอื่นๆ ที่เงินจะสะพัด ส่วนของภาษีมูลค่าเพิ่ม(แวด)ที่ปรับตัวดีขึ้น 20% ใน 2 เดือนแรกของปี ตอนนี้ก็เริ่มชะลอลง ดังนั้นส่วนของภาครัฐและเศรษฐกิจในประเทศ (Local Economy) จึงหยุดไม่ได้จะต้องทำให้ขยายตัวต่อเนื่องรักษาโมเมนตัมเศรษฐกิจไว้ให้ได้ในช่วงก่อนจะมีการจัดตั้งรัฐบาล ที่คาดว่าจะใช้เวลาอย่างน้อย 3 เดือน


“ลองนึกดูว่าถ้าสถานการณ์แบบนี้ลากไปถึงกลางปี หรือค่อนปีเศรษฐกิจจะเป็นอย่างไร มันต้องรีบขับเคลื่อนไปข้างหน้า พวกท่านอย่าหยุดทำงาน อะไรที่เป็นหน้าที่ของกระทรวงรู้ว่าต้องทำอยู่แล้วต้องทำต่อ” รองนายกรัฐมนตรี กล่าว


นายสมคิด กล่าวว่า ต้องการให้โครงการหลักในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก(อีอีซี) ได้ข้อสรุปเรื่องการประมูลภายในเดือน พ.ค. โดยเฉพาะโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน โครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่3 และโครงการพัฒนาท่าเรือมาบตะพุด ระยะที่3 ซึ่งในการเดินทางไปเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีน พร้อมคณะของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ปลายเดือนเม.ย.จะมีการย้ำกับทางการจีนว่าโครงการลงทุนสำคัญๆ เหล่านี้ยังคงเดินหน้าและผ่านขั้นตอนที่สำคัญแล้ว


นอกจากนี้ ประเด็นที่ขอให้กระทรวงอุตสาหกรรมเดินหน้าให้ได้ตามแผนคือการลดจำนวนอ้อยไฟไหม้ให้เหลือ 0% ภายใน 3 ปี ผ่านมาตรการต่างๆ ที่กระทรวงเตรียมไว้แล้ว ซึ่งกรณีนี้เป็นเรื่องสำคัญที่จะลดปัญหาฝุ่นละอองที่มาจากการเผาไร่อ้อย ซึ่งหากปัญหาฝุ่นละอองไม่ได้รับการแก้ไขจะส่งผลกระทบอย่างมากต่อการท่องเที่ยว โดยเฉพาะการท่องเที่ยวในพื้นที่ภาคเหนือ เช่น จ.เชียงใหม่ จ.เชียงราย ที่ขณะนี้ก็ได้รับผลกระทบอยู่ หากไม่แก้ไขปีนี้นักท่องเที่ยวจะหายไปอีกแน่นอน