นายประสงค์ พูนธเนศ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่รัฐบาลจะทยอยออกมาต่อเนื่อง จะช่วยให้เศรษฐกิจไทยที่ชะลอตัวขยายตัวได้ดีขึ้น ซึ่งคลังต้องการให้เศรษฐกิจขยายตัวได้ 4% ตามที่ตั้งเป้าหมายไว้ ซึ่งเป็นการขยายตัวได้เต็มศักยภาพที่ 4-5%
อย่างไรก็ตาม การออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มต้องรอดูสถานการณ์เศรษฐกิจให้ชัดเจน แม้ว่าการขยายตัวเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวชะลอลงจากการส่งออก แต่ที่ผ่านมารัฐบาลก็เร่งการเบิกจ่าย โดยเฉพาะงบลงทุน นอกจากนี้คลังยังเตรียมมาตรการทางการคลังกระตุ้นเศรษฐกิจไว้อีกมาก
ทั้งนี้ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยว อสังหาริมทรัพย์ และเพิ่มรายได้ให้กับผู้มีรายได้น้อย ที่จะเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม) เห็นชอบในวันที่ 30 เม.ย. นี้ เป็นเพียงส่วนหนึ่งของมาตรการที่เตรียมไว้เท่านั้น
สำหรับงบประมาณรายจ่ายปี 2563 หากมีปัญหารัฐบาลใหม่เข้ามาพิจารณาไม่ทัน หรือ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) พิจารณาไม่ได้ ก็สามารถใช้งบประมาณปี 2562 ไปพลางก่อนได้ ซึ่งไม่กระทบกับการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในปีนี้
"มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของคลังมีมากพอพยุงให้เศรษฐกิจปีนี้ขยายตัวได้ 4% ตามที่กระทรวงการคลังคาดการณ์ไว้" นายประสงค์ กล่าว
ด้านนายดอน นาครทรรพ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายเศรษฐกิจมหภาค ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า เศรษฐกิจโลกที่ชะลอ กระทบการส่งออกของไทยทั้งปีขยายตัวได้ต่ำกว่า 3% ตามที่ธปท.คาดไว้ ทำให้เศรษฐกิจทั้งปีจะเติบโตต่ำ 3.8%
นายดอน กล่าวว่า ต้องติดตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลที่จะทยอยออกมา จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ ส่วนปัญหาการเมืองตั้งรัฐบาลได้ช้า ส่งผลให้นักลงทุนต่างประเทศชะลอการลงทุน เพื่อรอดูความชัดเจน
ขณะที่นายพิสิทธิ์ พัวพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักนโยบายเศรษฐกิจมหภาค สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า สศค.คาดว่าการขยายตัวเศรษฐกิจปีนี้ใกล้เคียง 4% เนื่องจากเศรษฐกิจภายในประเทศยังขยายตัวจากการเร่งใช้จ่ายภาครัฐและเอกชน “สศค.คาดว่าเศรษฐกิจปีนี้จะโตใกล้ 4% ถึงแม้ว่าจะมีความเสี่ยงจากเศรษฐกิจนอกประเทศ แต่เศรษฐกิจภายในประเทศยังสมารถขยายตัวได้ดี”นายพิสิทธิ์ กล่าว