หุ้น TPIPP เปลี่ยนขยะให้เป็นเงิน

>>

ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์ หรือ TPIPP เป็นบริษัทที่ทำธุรกิจโรงไฟฟ้า ถือหุ้นใหญ่โดยบริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) หรือทีพีไอ ของตระกูล “เลี่ยวไพรัตน์” หนึ่งในผู้นำอุตสาหกรรมปิโตรเคมี หากใครรู้จัก PTT หรือ IRPC ก็ต้องรู้จักหุ้นตัวนี้อยู่แล้ว

 

ทำไม TPIPP ถึงน่าลงทุน


เพราะว่าเป็นบริษัท “เชื้อเพลิงขยะ” ที่ใหญ่ที่สุดในไทย ปัจจุบันมีกำลังการผลิต 440 เมกะวัตต์ ประกอบด้วย โรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนทิ้ง กำลังการผลิตติดตั้งรวม 40 เมกะวัตต์ โรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงขยะ 180 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าถ่านหิน 220 เมกะวัตต์ และมีการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยหรือกฟผ. และบริษัทแม่ ทีพีไอโพลีน เป็นผู้รับซื้อไฟฟ้า


ปัจจุบันรอประมูลงานใหม่ พร้อมติดตั้งบอยเลอร์ เพื่อให้กำลังการผลิตไฟฟ้าเสถียร โดยปี 2561 ที่ผ่านมา บริษัทมีรายได้รวม 7,915.35 ล้านบาท กำไรสุทธิ 3,698.96 ล้านบาท หรือคิดเป็น 46.73% ของรายได้รวมเลยทีเดียว! โดยโครงสร้างรายได้หลักยังมีมาจากธุรกิจพลังงานและสาธารณูปโภค ในสัดส่วน 90.7% และผลประกอบไตรมาสล่าสุด บริษัทมีรายได้ 2,514 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 62.49% และมีกำไร 983 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30.38% 


และเมื่อส่องดูอัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไรสุทธิ (พี/อี) ตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันอยู่ที่ 13.74 เท่า ลดลงต่อเนื่อง เมื่อเทียบกับปี 2561 และ 2560 ที่อยู่ในอัตรา 14.30 และ 28.50 เท่า ตามลำดับ

ทั้งนี้บริษัทยังมีรายได้จากการให้บริการสถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิงและก๊าซธรรมชาติ (เอ็นจีวี) ด้วยนะ โดยขณะนี้มีสถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิง 8 แห่ง สถานีบริการเอ็นจีวีอีก 1 แห่ง และสถานีบริการน้ำมันฯ+เอ็นจีวี รวม 3 แห่ง

 

โบรกฯ มองยังไง?


บล.เมย์แบงก์แนะนำซื้อ รับปันผลระยะสั้น (ราคาเป้าหมาย 7.5 บาท) โดยประเมินว่ากำไรไตรมาส 1 จะชะลอตัวจากไตรมาสก่อนเล็กน้อย หรือประมาณ 955 ล้านบาท ลดลง 2% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า แต่บวกขึ้น 27% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว


ส่วนแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2 คาดเติบโตดีขึ้น จากการผลิตไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น และการเพิ่ม Boiler เพื่อเสริมประสิทธิภาพการใช้กำลังการผลิตไฟฟ้า โดยไตรมาสนี้จะเริ่มผลิตไฟฟ้า 440 เมกะวัตต์ เต็มไตรมาส เพราะฉะนั้นจึงประมาณการยอดรับรู้รายได้ปีนี้ 12,080 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 59% คาดกำไรสุทธิ 2562 ที่ 4,896 ล้านบาท เติบโต 32%


นอกจากนี้ TPIPP ได้ยื่นประมูลโครงการโรงไฟฟ้าขยะของกระทรวงมหาดไทย ประกอบด้วย โรงไฟฟ้าขยะที่อ่อนนุช กำลังการผลิตไฟฟ้ามากกว่า 20 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าขยะที่หนองแขม กำลังการผลิตไฟฟ้ามากกว่า 20 เมกะวัตต์ เมื่อวันที่ 21 มกราคมที่ผ่านมา โดยมีกำหนดเวลาตัดสินภายใน 180 วัน อย่างไรก็ตามต้องระวังความเสี่ยงเรื่องอัตราค่าไฟ การจัดหาขยะและต้นทุนขยะ รวมถึงการหยุดผลิตชั่วคราว