ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐได้ประกาศใช้อำนาจพิเศษทางบริหารประกาศสภาการณ์ฉุกเฉินด้านเทคโนโลยี เพื่อปกป้องระบบอินเตอร์เน็ตและเทคโนโลยีสารสนเทศของสหรัฐจากการคุกคามของเทคโนโลยีต่างชาติ
แม้การประกาศดังกล่าวจะไม่ได้ระบุอย่างชัดเจนถึงบริษัทใด แต่หลายฝ่ายเชื่อว่าเป็นการมุ่งเป้ากีดกันทางเทคโนโลยีต่อบริษัทหัวเว่ย และ ZTE ของจีน และทางทำเนียบขาวยืนยันว่าคำสั่งดังกล่าวจะไม่ได้มุ่งเป้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
( ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ )
โดยหลังจากที่ประธานาธิบดีทรัมป์ลงนามในคำสั่งดังกล่าวเพียงไม่กี่ชั่วโมง ด้านกระทรวงพาณิยช์ได้เพิ่มรายชื่อของบริษัทหัวเว่ยรวมถึงบริษัทในเครืออีก 70 แห่งอยู่ในรายชื่อบัญชีดำ หรือ "แอนตี้ลิสต์" สั่งห้ามบริษัทเอกชนของสหรัฐทุกแห่งทำธุรกิจหรือใช้งานอุปกรณ์หรือเทคโนโลยีใดๆของทางหัวเว่ยเด็ดขาด
นักวิเคราะห์บางฝ่ายมองว่าการขึ้นบัญชีดำหัวเว่ยครั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของการเพิ่มแรงกดดันกับจีนจากกรณีเจรจาสงครามการค้า
ขณะที่อีกฝ่ายมองว่า การกีดกันหัวเว่ยไม่ได้ส่งผลให้สหรัฐมีความมั่นคงทางไซเบอร์มากขึ้น หรือปลอดภัยยิ่งขึ้น แต่จะยิ่งทำให้การพัฒนาด้าน
เทคโนโลยี 5G ของสหรัฐล้าหลังและมีราคาแพงกว่าเดิม
ด้านสำนักข่าวซีเอ็นเอ็น อ้างแหล่งข่าวในกระทรวงพาณิชย์ระบุว่า หลังจากนี้กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะดำเนินการออกกฎเฉพาะเพิ่มเติมภายใน 150 วันถึงมาตรการกีดกันหัวเว่ยในประเด็นต่างๆต่อไป