ผ่าเหตุการณ์วอลุ่ม 2 แสนล้านบาท เมื่อต่างชาติเริ่มมีบทบาทในตลาดหุ้น

>>

สรุปมูลค่าการซื้อหุ้นวันนี้ มูลค่าการซื้อขายที่ 55,991.65 ล้านบาท ต่างกับภาพเมื่อวานที่มูลค่าการซื้อขายหุ้นทะลุ 204,855.67 ล้านบาท สูงสุดเป็นประวัติการณ์เลยทีเดียว หลัง MSCI ปรับน้ำหนักหุ้นไทยในตลาดหุ้นไทยเท่านั้น ซึ่งเป็นการนำ NVDR เข้ามาคำนวณด้วยเท่านั้น ซึ่งในแง่การลงทุนทำให้ต่างชาติสนใจหุ้นไทยมากขึ้นหรือไม่ยังต้องรอการพิสูจน์


มูลค่าเทรดที่พุ่งปรี๊ด! อาจไม่ใช่ประเด็นที่สำคัญเท่าไหร่ เมื่อเราหันมามองตัวเลขของสัดส่วนนักลงทุนต่างชาติในตลาดหุ้นไทยที่เปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยยะสำคัญ ซึ่งอาจจะเรียกได้ว่า ต่างชาติมีอิทธิพลอย่างมากในตลาดหุ้นไทย


จากการรวบรวมข้อมูลของ Wealthy Thai ข้อมูลการซื้อขายของนักลงทุนต่างชาติย้อนหลัง 5 ปี (2558-2562) พบว่า นักลงทุนต่างชาติยัง “ขายหุ้นไทย” เป็นหลัก โดยเฉพาะปี 2561 จากการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และสงครามการค้าสหรัฐ-จีน ที่เพิ่งเปิดศึกไป เม็ดเงินในฟากตลาดทุนจึงไหลไปกองที่ตลาดตราสารหนี้หมด


แต่ในทางกลับกัยเมื่อนักลงทุนต่างชาติ มีบทบาทในตลาดหุ้นไทยมากขึ้น จากสัดส่วนการซื้อขายนักลงทุนต่างชาติต่อมูลค่าการซศื้อขายเฉลี่ยต่อวัน เพิ่มจาก 23.72% เป็น 42.76% หรือเพิ่มขึ้น 19%


หวังเงินต่างชาติดันหุ้นไทยเรื่องยาก


สถานการณ์ที่เกิดขึ้นวานนี้ส่งผลกับหุ้นไทยอย่างไรบ้างหรือไม่ ในมุมของ “ประกิต สิริวัฒนเกตุ” นักวิเคราะห์อิสระ มองว่า การไหลเข้าของเงินต่างชาติ ที่ 1.2 หมื่นล้านบาทวานนี้ เป็นฟันด์โฟลว์ที่เข้ามาเป็นแค่การเทรดช่วงสั้นๆ ไม่ได้มีนัยสำคัญอะไร เห็นได้จากสัญญาณการเปิด Long ในอนุพันธ์ที่ยังไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรมากนัก


ฟันด์โฟลว์มาจากการปรับน้ำหนักดัชนี MSCI เป็นหลัก จึงเห็นแรงขายทำกำไรในช่วงสั้นๆ แต่ในระยะยาวยังต้องติดตามสถานการณ์การเมืองในประเทศ ที่ยังรอความชัดเจน บวกกับ “สงครามการค้า” ไม่มีทีท่าว่าจะจบง่ายๆ หลังสหรัฐตั้งกำแพงภาษี 2.5 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่จีนก็โต้กลับด้วยการเตรียมเก็บภาษีอีก 1.1 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ไหนจะ Huawei ที่มาช่วยเติมเชื้อไฟ ขยายกำลังไปยังภาคเอกชน ไม่ใช่แค่จีนเท่านั้น แต่ยังมีสงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับญี่ปุ่นด้วย ภาพตลาดหุ้นวันนี้จึงดูอ่อนแรง จากการขายทำกำไร