“บลจ.ทิสโก้”...ส่ง ‘TAREIT’ ลุยรีทเอเชีย

>>

“บลจ.ทิสโก้”...ส่ง ‘TAREIT’ ลุยลงทุน REIT เอเชีย ตอบโจทย์ยุคดอกเบี้ยต่ำ-เศรษฐกิจชะลอตัว สร้างโอกาสรับผลตอบแทนดีสม่ำเสมอ ความผันผวนน้อยกว่าหุ้น เปิด IPO 10 - 17 มิ.ย 19 นี้   


นายสาห์รัช ชัฏสุวรรณ ผู้อำนวยการสายการตลาดและที่ปรึกษาการลงทุน บลจ.ทิสโก้ จำกัด
เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นทั่วโลกยังคงเผชิญกับความผันผวนตามปัจจัยพื้นฐานของเศรษฐกิจ และในระยะข้างหน้าแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยสหรัฐอาจเปลี่ยนเป็นขาลง ขณะที่อัตราดอกเบี้ยไทยคาดว่าจะทรงตัวอยู่ในระดับต่ำ ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนตราสารหนี้ปรับลดลง ทำให้การลงทุนในตราสารหนี้ในช่วงนี้เริ่มมีความน่าสนใจลดลง


“การลงทุนในทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ เพราะมีอัตราการจ่ายปันผล (Dividend Yield) ที่ค่อนข้างสม่ำเสมอและราคาหน่วยลงทุนผันผวนต่ำ อีกทั้งรายได้ของกอง REIT มีโอกาสเติบโตจากการปรับขึ้นค่าเช่าในช่วงที่เศรษฐกิจฟื้นตัว ทั้งนี้ จากการเก็บข้อมูลพบว่า REIT ในเอเชีย เช่น ญี่ปุ่น ฮ่องกง สิงคโปร์ ออสเตรเลีย และจีน มีอัตราการจ่ายปันผลและมูลค่าทางบัญชีที่คุ้มค่าและน่าสนใจกว่าการลงทุนใน REIT ไทยแต่เพียงอย่างเดียว และระยะหลังราคาหน่วย REIT ในไทยก็ปรับตัวขึ้นไปในระดับหนึ่งแล้ว”

 
( นายสาห์รัช ชัฏสุวรรณ )


นายสาห์รัช ยังกล่าวอีกว่า เพื่อเป็นทางเลือกแก่นักลงทุน บริษัทจึงเสนอขาย กองทุนเปิด ทิสโก้ เอเชียน รีท (TAREIT)’ ความเสี่ยงระดับ 8 (เสี่ยงสูงมาก) โดยเน้นลงทุนในหลักทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับอสังหาริมทรัพย์และบริษัทที่เกี่ยวข้องกับอสังหาริมทรัพย์ที่จดทะเบียนจัดตั้งในประเทศที่อยู่ในภูมิภาคเอเชีย


ซึ่งดำเนินธุรกิจหรือมีรายได้หลักจากการประกอบกิจการในภูมิภาคเอเชีย เช่น ญี่ปุ่น สิงคโปร์ ฮ่องกง ออสเตรเลีย อินเดีย มาเก๊า เป็นต้น ผ่านหน่วยลงทุนของ กอง B&I Asian Real Estate Securities (UCITS)’ ชนิดหน่วยลงทุน A (กองทุนหลัก) เปิดเสนอขายครั้งแรกตั้งแต่วันที่ 10 - 17 มิ.ย. 19 ทั้งนี้ ‘กอง TAREIT’ ลงทุนกระจุกตัวในหมวดอุตสาหกรรมพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก


สำหรับ REIT ที่ ‘กอง B&I Asian Real Estate Securities (UCITS)’ (กองทุนหลัก) เข้าไปลงทุนนั้น ให้น้ำหนักการลงทุนส่วนใหญ่อยู่ที่ประเทศญี่ปุ่น สิงคโปร์ ฮ่องกง และออสเตรเลีย โดยทั้งหมดมีลักษณะภูมิประเทศเป็นเกาะทำให้การขยายพื้นที่ ที่พักอาศัย โรงแรม คลังสินค้า ออฟฟิศ หรือห้างสรรพสินค้าทำได้จำกัด


ซึ่งสวนทางกับเมกะเทรนด์ของโลกที่ประชากรต้องการย้ายถิ่นฐานจากชนบทเข้าสู่เมืองใหญ่ ดังนั้น จึงส่งผลบวกต่อราคาที่ดินและค่าเช่าที่มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นตามความต้องการการใช้พื้นที่ดังกล่าว และย่อมเป็นโอกาสให้ราคาหน่วยลงทุนปรับตัวเพิ่มขึ้นในอนาคต  


“อัตราการจ่ายปันผลของ REIT ในภูมิภาคเอเชียอยู่ในระดับที่น่าสนใจ โดยข้อมูลจาก Bloomberg ณ วันที่ 5 มิถุนายน 2562 พบว่าอัตราการจ่ายปันผลของ REIT

  • ญี่ปุ่นอยู่ที่ 3.65%
  • สิงคโปร์อยู่ที่  5.69%
  • ฮ่องกงอยู่ที่ 5.29% และ
  • ออสเตรเลียอยู่ที่  4.73%


นอกจากนี้ REIT ญี่ปุ่นยังมีความน่าสนใจตรงที่ธนาคารกลางญี่ปุ่นยังใช้นโยบายผ่อนคลาย อัตราการจ่ายปันผลเมื่อเทียบกับพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่นยังน่าสนใจ อีกทั้งราคาหน่วยลงทุนของ REIT ในญี่ปุ่นและเอเชียยังไม่สูงมาก จึงมั่นใจว่าจะทำให้นักลงทุนมีโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีอย่างสม่ำเสมอจากการลงทุนในกองทุน ทิสโก้ เอเชียน รีท ที่นำเสนอในครั้งนี้ ”


อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงหลักของการลงทุนในกอง REIT คือ อัตราดอกเบี้ยที่เป็นขาขึ้น เนื่องจากดอกเบี้ย คือต้นทุนหลักในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ แต่ปัจจุบันทิศทางของอัตราดอกเบี้ยทั่วโลกอยู่ในระดับทรงตัวหลังตัวเลขเศรษฐกิจมีแนวโน้มชะลอตัวจากปัจจัยสงครามการค้า ขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) นอกจากส่งสัญญาณชะลอขึ้นอัตราดอกเบี้ยแล้ว นักลงทุนยังคาดการณ์ว่า Fed มีโอกาสปรับลดดอกเบี้ยได้ในอนาคต ทำให้ความเสี่ยงในการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงกองทุน REIT ลดลงไป และทำให้ REIT กลับมาเป็นที่สนใจของนักลงทุนทั่วโลกอีกครั้ง


“ทั้งนี้ กองทุน TAREIT อาจมีความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนจากการลงทุนในต่างประเทศ จึงมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุนรวม”