“บลจ.กรุงไทย”...ปันผล 4 ‘กองอสังหาฯ-Infra Fund’ มูลค่ากว่า 1,200 ล้านบาท
>>
“บลจ.กรุงไทย”...เตรียมปันผล 4 ‘กองอสังหาฯ-Infra Fund’ มูลค่ากว่า1,200 ล้านบาท วันที่ 14 มิ.ย. นี้ พร้อมส่ง 2 ‘Term Fund’ ลุยตราสารหนี้ต่างประเทศขายถึง 18 มิ.ย. นี้ คาดผลตอบแทน 1.8-2.0% ต่อปี
นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บลจ.กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหน่วยลงทุนกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน จำนวน 4 กองทุน สำหรับรอบระยะเวลาบัญชีวันที่ 1 ม.ค. - 31 มี.ค. 19 ในวันที่14 มิ.ย. 19 นี้ ประกอบด้วย
- ‘กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย (TFFIF)’ โดยบริษัทเป็นผู้จัดการกองทุนร่วมกับบลจ.เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) ที่ประชุมคณะกรรมการจัดการลงทุนมีมติจ่ายเงินปันผลและลดทุนจดทะเบียนครั้งที่ 2 โดยจ่ายเงินปันผล ในอัตรา 0.1025 บาทต่อหน่วย และลดทุนจดทะเบียนจากสภาพคล่องส่วนเกินที่เกิดจากการตัดจำหน่ายค่าใช้จ่ายในการออกและเสนอขายหน่วยลงทุน ซี่งเป็นค่าใช้จ่ายที่ไม่ใช่เงินสด โดยลดเงินทุนจดทะเบียนในอัตรา 0.0158 บาทต่อหน่วย
“รวมเป็นเงินจ่ายปันผลและลดทุนทั้งสิ้นในอัตรา 0.1183 บาทต่อหน่วย ด้วยการลดมูลค่าที่ตราไว้ จากหน่วยละ 9.9911 บาท ลดลงเหลือหน่วยละ 9.9753 บาทต่อหน่วย รวมเป็นเงินกว่า 468 ล้านบาท”
- ‘กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน โรงไฟฟ้าพระนครเหนือ ชุดที่1 การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (EGATIF)’ จ่ายเงินปันผลครั้งที่ 14 ในอัตรา 0.20 บาทต่อหน่วย คิดเป็นเงินกว่า 417 ล้านบาท
- ‘กองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ตลาดไท(TTLPF)’ จ่ายเงินปันผลครั้งที่ 34 ในอัตรา 0.4220 บาทต่อหน่วย รวมเป็นเงินประมาณ 76 ล้านบาท
- ‘กองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ ซี .พี ทาวเวอร์ โกรท (CPTGF)’ จ่ายเงินปันผล ครั้งที่ 21 ในอัตรา 0.2180 บาทต่อหน่วย เป็นเงินกว่า 210 ล้านบาท
“ทั้งนี้ การจ่ายเงินปันผลทั้ง 4 กองทุน รวมเป็นเงินทั้งสิ้นกว่า 1,200 ล้านบาท”
นอกจากนี้ บริษัทอยู่ในระหว่างการเปิดจำหน่ายกองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศ 2 กองทุนให้นักลงทุนได้เลือกตามความเหมาะสม ได้แก่ ‘กองทุนเปิดกรุงไทยตราสารหนี้ เอฟไอเอฟ 241(KTFF241)’ อายุโครงการ 12 เดือน และ ‘กองทุนเปิดกรุงไทยตราสารหนี้ เอฟไอเอฟ 245 (KTFF245)’ อายุโครงการ 6 เดือน ตั้งแต่วันนี้- 18 มิ.ย. 19 เงินลงทุนขั้นต่ำ 10,000 บาท เน้นลงทุนตราสารหนี้ต่างประเทศไม่น้อยกว่า 80% โดยผลตอบแทนของ ‘กอง KTFF 241’ อยู่ที่ประมาณ 2.00% ต่อปี ส่วน ‘กอง KTFF 245’ อยู่ที่ 1.80% ต่อปี
สำหรับอัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้ในประเทศ อายุคงเหลือต่ำกว่า 6 เดือน ปรับตัวเพิ่มขึ้นตามแรงขายทำกำไรของนักลงทุน ในขณะที่อายุคงเหลือตั้งแต่ 6 เดือน ขึ้นไป อัตราผลตอบแทนมีการปรับตัวลดลงทุกช่วงอายุตามแรงซื้อ โดยเฉพาะจากนักลงทุนต่างชาติตามกระแส การหันมาลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ (Risk off) จากความกังวลเรื่องสงครามการค้า การชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ ที่ทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) มีแนวโน้มที่อาจจะต้องปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง
“ส่วนอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ มีการปรับตัวลดลงทุกช่วงอายุ เนื่องจากความกังวลเรื่องสงครามการค้า และตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรในเดือนพ.ค. อยู่ที่ 75,000 ตำแหน่ง ต่ำกว่าที่คาดไว้ที่ 175,000 ตำแหน่ง และอัตราการจ้างงานรายชั่งโมงที่ชะลอตัว”
โดยอัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้ อายุคงเหลือ 2 ปี ปรับตัวลดลง 10 bps. มาอยู่ที่ 1.85% ต่อปี อายุคงเหลือ 5 ปี ปรับตัวลดลง 8 bps. อยู่ที่ 1.85% ต่อปี และอายุคงเหลือ 10 ปี ปรับตัวลดลง 5 bps. มาอยู่ที่ 2.09% ต่อปี ทั้งนี้ ‘กอง KTFF 245’ และ ‘กอง KTFF 241’ จึงเหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการกระจายความเสี่ยง ในช่วงที่ภาวะเศรษฐกิจโลกมีความผันผวนจากปัจจัยต่างๆ และต้องการโอกาสรับผลตอบแทนตามที่กำหนดไว้