“บลจ.กสิกรไทย”...ปันผล ‘K-PROP’ กว่า 670 ล้านบาท

>>

“บลจ.กสิกรไทย” เตรียมปันผล ‘กอง K-PROP’ กว่า 670 ล้านบาท วันที่ 14 มิ.ย. นี้ ชูกลุ่ม กองอสังหาฯ-REIT’ ทั้งไทยและสิงคโปร์ยังน่าสนใจ อัตราผลตอบแทนดี ผันผวนน้อย ตอบโจทย์ช่วงตลาดโลกผันผวน


น.ส.ธิดาศิริ ศรีสมิต
Chief Investment Officer บลจ.กสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมจ่ายเงินปันผล กองทุนเปิดเค พร็อพเพอร์ตี้ เซคเตอร์ (K-PROP)’ สำหรับรอบผลการดำเนินงานตั้งแต่ 1 มิ.ย. 18-31 พ.ค. 19 ในอัตรา 0.46 บาทต่อหน่วย โดยมีกำหนดจ่ายปันผลในวันที่ 14 มิ.ย. 19 รวมมูลค่าทั้งสิ้น 677.22 ล้านบาท


สำหรับ ‘กอง K-PROP’ มีนโยบายเน้นลงทุนในหลักทรัพย์หรือตราสารในหมวดอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ทั้งไทยและสิงค์โปร์ เช่น หน่วยลงทุนของ ‘กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ (Property Fund)’ และหน่วยทรัสต์ของ ‘ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REITs)’ ทั้งนี้นับตั้งแต่จัดตั้งกองทุนเมื่อปี 2016 ‘กอง K-PROP’ มีการจ่ายปันผลมาอย่างต่อเนื่องทุกปี รวมแล้วทั้งสิ้น 9 ครั้ง เป็นเงิน 2.92 บาทต่อหน่วย


“โดยในรอบผลการดำเนินงาน 1 ปีที่ผ่านมากองทุนมีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividend Yield) เฉลี่ยอยู่ที่ 13.16% ต่อปี อีกทั้งผลการดำเนินงานย้อนหลังยังสามารถเอาชนะเกณฑ์มาตรฐานได้ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ซึ่งผลการดำเนินงานย้อนหลัง 1 ปี และ 3 ปีอยู่ที่ 14.72% ต่อปี และ 11.46% ต่อปี ขณะที่เกณฑ์มาตรฐานอยู่ที่ 14.65% ต่อปี และ 11.23% ต่อปี ตามลำดับ (ข้อมูล ณ วันที่ 31 พ.ค. 19)”

 
( น.ส.ธิดาศิริ ศรีสมิต )


น.ส.ธิดาศิริ ยังกล่าวอีกว่า กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และกอง REIT ในไทยในช่วงที่ผ่านมาปรับตัวขึ้น เนื่องจากผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอยู่ในระดับที่ต่ำ ประกอบกับค่าเช่าและอัตราการเช่าโดยรวมอยู่ในระดับที่ดี ขณะที่กอง REIT ในสิงคโปร์ปรับตัวลงเล็กน้อย ในช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมา จากความกังวลเรื่องการเจรจาการค้าระหว่างจีนและสหรัฐ


อย่างไรก็ตาม REIT ยังคงปรับตัวลดลงน้อยกว่าตลาดโดยรวมจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลที่ปรับลดลงมาก โดย REITs ที่มีผลประกอบการดีและมีความสามารถในการเพิ่มจำนวนเงินปันผล ยังคงปรับตัวดีขึ้นในช่วงเดือนที่ผ่านมา


“บริษัทยังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อการลงทุนในกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และกอง REIT ทั้งในประเทศไทยและสิงคโปร์ แม้ว่าสินทรัพย์ประเภทนี้โดยรวมจะมี Valuation ที่ปรับตัวขึ้นมามาก แต่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลทั่วโลกได้ปรับลดลงมากด้วยเช่นกัน โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐปรับตัวลงจาก 2.68% มาอยู่ที่ 2.11%(ข้อมูล ณ 10 มิ.ย. 19) ทำให้กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และกอง REIT น่าจะยังได้รับประโยชน์จากสภาพคล่องที่มีอยู่สูง จากการที่ธนาคารกลางหลักต่างๆ ของโลกมีแนวโน้มปรับลดดอกเบี้ย และการลงทุนในกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และกอง REIT ในไทยและสิงคโปร์ ยังมีอัตราจ่ายปันผลที่ประมาณ 5% ซึ่งสูงกว่าตลาดโดยรวม”