เปลี่ยน ‘หนี้บัตรเครดิต’…เป็นเงินเก็บ ปั้น “เงินล้าน”
>>
สถานการณ์หนี้ครัวเรือนของไทยเองยังอยู่ในระดับที่น่าเป็นห่วง สิ้นไตรมาสที่1/19 หนี้ครัวเรือนของไทยมีอยู่ 12.97 ล้านล้านบาท คิดเป็น 78.7% ต่อ GDP
“ชีวิตหนี้”...ส่วนหนึ่งก็มาจากพฤติกรรมในการใช้จ่ายของตัวเราเองด้วยส่วนหนึ่ง ยิ่งสังคมรูดปรื๊ดๆ กับสารพัดบัตร ‘รูดก่อน...ผ่อนทีหลัง’ ก็ยิ่งปูทางตัวเองเข้าสู่ ‘กับดักหนี้’ ได้ง่ายดายยิ่งขึ้น
จะดีกว่ามั้ย? ถ้าเราจะเปลี่ยน ‘หนี้บัตรเครดิต’...เป็นเงินเก็บ เพื่อปั้น “เงินล้าน” ให้กับตัวเองกัน
‘บัตรเครดิต’…ไม่ได้ทำให้เงินในกระเป๋าคุณเพิ่มขึ้น
คนจะมี ‘บัตรเครดิต’ ได้ ก็ต้องมีรายได้ตั้งแต่ 15,000 บาทต่อเดือน ขึ้นไป โดย ‘วงเงินบัตรเครดิต’ ก็ขึ้นกับรายได้เฉลี่ยต่อเดือนของคุณเอง
- 1.5 เท่า ถ้ารายได้ต่ำกว่า 30,000 บาทต่อเดือน
- 3 เท่า ถ้ารายได้ตั้งแต่ 30,000 บาท แต่ต่ำกว่า 50,000 บาทต่อเดือน
- 5 เท่า ถ้ารายได้ตั้งแต่ 50,000 บาทต่อเดือน
‘บัตรเครดิต’ ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับคุณในการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น เช่น ไม่ต้องจ่ายด้วยเงินสด ผ่อนชำระได้ เป็นต้น
“แต่คุณต้องไม่ลืมว่า การมีบัตรเครดิตไม่ได้ทำให้เงินในกระเป๋าเพิ่มมากขึ้นแต่ประการใด ไม่ใช่เงินเดือน 15,000 บาท ได้วงเงินบัตรเครดิต 22,500 บาท แล้วจะทำให้คุณมีรายได้เพิ่มขึ้นเป็น 37,500 บาท!!! ไม่ใช่แบบนั้นนะ บางคนมีบัตร 2 ใบ โอ้ว...คิดว่ารายได้ขยับไปอยู่ที่ 60,000 บาท!!! แสดงว่า...คุณมาผิดทางแล้วล่ะ เพราะรายได้คุณจริงๆ ยังคง 15,000 บาทต่อเดือน ‘เหมือนเดิม’ ไม่ได้เพิ่มขึ้นตามวงเงินในบัตรเครดิตแต่ประการใด”
ใช้จ่ายอย่าง ‘พอเพียง’…ไม่ก่อหนี้เกิน 30% ของรายได้
เมื่อมีรายได้เท่าเดิม 15,000 บาทต่อเดือน ปกติถ้าคุณไม่มีบัตรเครดิต คุณก็จะต้องใช้เงินอยู่ในวงเงินรายได้ของตัวเองอยู่แล้ว และเมื่อ ‘บัตรเครดิต’ ไม่ได้ทำให้คุณมีรายได้เพิ่มขึ้น แล้วคุณไปใช้จ่ายเกินรายได้ตัวเอง ‘วงจรหนี้’ ก็จะวิ่งตามคุณเหมือนเงาตามตัวทันที ‘มาก’ หรือ ‘น้อย’ ขึ้นกับพฤติกรรมการใช้จ่ายของตัวคุณเองเป็นสำคัญ
“ตามทฤษฎีทางการเงินก็มีการพูดถึงสัดส่วนการก่อหนี้ว่าไม่ควรเกิน 40% ของรายได้ แต่คุณคงไม่ต้องใช้สิทธิ์เต็มที่แต่ประการใด บางตำราก็ว่าไว้ที่เหมาะสม คือ 20% ของรายได้ บางตำราก็ว่าไว้อย่างให้เกิน 1 ใน 3 หรือประมาณ 30% ในที่นี้ก็ยกเอาสัดส่วนหนี้ 30% มาเป็นไกด์ไลน์ไว้ล่ะกัน ต้องดูภาระหนี้โดยภาพรวมของตัวคุณเองทั้งหมดนะ (หนี้บ้าน หนี้รถ หนี้บัตรเครดิต เป็นต้น)”
‘การไม่มีหนี้...เป็นลาภอันประเสริฐ’ หากใช้บัตรเครดิตเพื่ออำนวยความสะดวก คุณก็ยังคงต้องวางแผนใช้เงินให้อยู่ในงบประมาณรายได้ของตัวเอง 15,000 บาทต่อเดือนตามปกติ (ก็รายได้คุณไม่ได้เพิ่มขึ้นนี่นา)
รูดก่อน...ถึงเวลาก็ชำระเต็มจำนวน ตรงเวลา คุณก็ไม่ต้องจ่ายดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมแต่ประการใด ไม่ใช่มีรายได้ 15,000 บาท แล้วใช้จ่าย 20,000 บาท เงินเดือนออก ก็หมดตัวแถมยังมีสมการรายได้ติดลบอีก ‘เงินออม’ ไม่ต้องพูดถึง ต่อให้คุณชำระตรงตามเวลาและเต็มจำนวนก็ตาม เพราะเอา ‘เงินอนาคต’ มา ‘ใช้ในปัจจุบัน’ ก่อน
“ลองนึกว่า...แนวคิดแบบนี้ถ้าวันหนึ่งคุณรายได้เป็น 0 คุณยังมีภาระต้องจ่ายหนี้ค้างจ่ายอีก 1 เดือนนะ แล้วจะหาจากไหนมาจ่ายถ้าไม่มีเงินเก็บไว้ ท่องให้ขึ้นใจ...บัตรเครดิตไม่ได้ทำให้คุณมีรายได้เพิ่มขึ้น ใช้จ่ายให้ ‘พอเพียง’ และก่อหนี้ไม่เกิน 30% แบบนี้พลาดพลั้งรายได้เป็น 0 วันใด คุณก็มีภาระหนี้ไม่เกิน 30% ที่ค้างชำระ ก็ยังน่าจะพอหาทางจัดการได้ไม่ยาก”
กัน 10% ‘จ่ายให้ตัวเองก่อน’...ลงทุนเพื่อปั้น “เงินล้าน”
แทนที่คุณจะรูดบัตรเพลิน...ถึงเวลาเงินเดือนออก ก็ต้องเอาจ่ายหนี้บัตรเครดิตหมด ทำไม...ไม่เปลี่ยนพฤติกรรมมา ‘จ่ายให้ตัวเองก่อน’ เพื่อสร้างความมั่งคั่งให้กับตัวเองล่ะ ขอไม่มาก...แค่เท่ากับยอดชำระขั้นต่ำของบัตรเครดิตที่ 10% ก็พอ เชื่อว่าทุกคนที่มีบัตรเครดิตมีศักยภาพที่จะทำได้ทุกคน
เป้าหมาย : สร้างเงิน 1 ล้านบาท ด้วยการผ่อนชำระเงินขั้นต่ำ 10% ต่อเดือน เป็นเงิน 1,500 บาท ให้กับ ‘ตัวเอง’ (แทนที่จะไปจ่ายเป็นหนี้บัตรเครดิต)
บนทางเลือกการลงทุนต่างๆ ที่ให้ผลตอบแทนแตกต่างกันออกไป ซึ่งเป็นตัวเลขผลตอบแทนเฉลี่ยที่มีอยู่จริงในโลกการลงทุนของ ‘กองทุนรวม’ ซึ่งจะทำให้คุณบรรลุเป้าหมายเงิน 1 ล้านบาท ในระยะเวลาที่แตกต่างกันออกไป ดังนี้
- 2% >>> ใช้เวลา 37 ปี 5 เดือน
- 5% >>> ใช้เวลา 26 ปี 8 เดือน
- 8% >>> ใช้เวลา 21 ปี 4 เดือน
- 10%>>>ใช้เวลา 18 ปี 11 เดือน
- 15%>>>ใช้เวลา 15 ปี
ถ้าคุณเริ่มต้นได้เร็วและเลือกเก็บเงินให้ถูกที่ถูกทาง เอาแค่ผลตอบแทนเฉลี่ย 10% ต่อปี ด้วยเงินเก็บ 1,500 บาท ทุกเดือน ไม่ถึง 20 ปี คุณก็มี ‘เงินล้าน’ แล้ว แต่ถ้าไม่เริ่มต้น ยังรูดปรื๊ดๆ ในวังวงเดิมๆ คุณก็จะเจอกับปัญหาหนี้บัตรเครดิตเดิมๆ ไปอีก 20 ปี เช่นกัน
“แทนที่คุณจะก่อหนี้ 30% คุณก็หักเงินเก็บขั้นต่ำ 10% เหลือก่อหนี้ 20% ยังต้องตามตำรา แถมยังมีเงินเก็บบนเส้นทาง ‘เงินล้าน’ ที่คุณสร้างด้วยมือตัวเองได้อีกด้วยนะ”
เห็นมั้ยว่า...เปลี่ยน “หนี้บัตรเครดิต” มาเป็นเงินเก็บ เพื่อปั้น ‘เงินล้าน’ นั้นไม่ได้ยากอย่างที่คิด คุณเองก็ทำได้ หวังว่าข้อมูลเหล่านี้จะเป็นประโยชน์กับผู้ที่สนใจอยู่บ้างไม่มากก็น้อยครับ