ตามรอยหุ้น IVL เด่นสุดกลุ่มปิโตเคมี ไร้ผลกระทบสงครามการค้า จับตาปี 62 กำไรพุ่ง 26,874 ล้านบาท

>>

ในเดือน กรกฎาคม นับเป็นเดือนแรกของปี ที่จะก้าวเข้าสู่ช่วงครึ่งปีหลัง 2562 ท่ามกลางข่าวดีต่อการพบกันของทรัมป์ และสี จิ้นผิง ในการประชุม G20 ช่วงที่ผ่านมา ซึ่งจะช่วยบรรเทาความกังวลของภาคธุรกิจและหนุนปริมาณความต้องการของผลิตภัณฑ์ปิ โตรเคมีให้มีโอกาสฟื้นตัวได้


โดยบริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) หรือ IVL ถือเป็นหนึ่งในบริษัทปิโตรเคมีชั้นนำระดับโลก มีโรงงานผลิตครอบคลุมภูมิภาคหลักทั่วโลก ได้แก่ แอฟริกา เอเชีย ยุโรปและอเมริกาเหนือ  โดยมีกลุ่มธุรกิจหลัก ประกอบด้วย ธุรกิจ Integrated PET ธุรกิจโอเลฟินส์ ธุรกิจเส้นใย ธุรกิจบรรจุภัณฑ์ และธุรกิจเคมีภัณฑ์ชนิดพิเศษ (Specialty Chemicals)


ทั้งนี้ผลิตภัณฑ์ของ IVL รองรับลูกค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคบริโภค อาหารและเครื่องดื่ม ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขอนามัย ผลิตภัณฑ์เพื่อการดูแลส่วนบุคคล และอุตสาหกรรมยานยนต์ เช่น ผลิตภัณฑ์ยางในรถยนต์และผลิตภัณฑ์ด้านความปลอดภัย ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีพนักงานทั่วโลกประมาณ 19,000 คน


ขณะเดียวกันยังเป็นสมาชิกดัชนีดาวโจนส์ (DJSI) โดยมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่กรุงเทพฯ ประเทศไทยและมีโรงงานทั่วโลก ได้แก่ ยุโรป ตะวันออกกลางและแอฟริกา ประกอบด้วย เนเธอร์แลนด์ เยอรมนี สาธารณรัฐไอร์แลนด์ ฝรั่งเศส อังกฤษ อิตาลี เดนมาร์ก ลิทัวเนีย โปแลนด์ สาธารณรัฐเช็ก ลักเซมเบิร์ก สเปน ตุรกี ไนจีเรีย กานา โปรตุเกส อิสราเอล อียิปต์ รัสเซีย สโลวาเกีย ออสเตรีย ส่วนอเมริกา ประกอบด้วย สหรัฐอเมริกา เม็กซิโก แคนาดา บราซิล ขณะที่ เอเชีย ประกอบด้วย ไทย อินโดนีเซีย จีน อินเดีย ฟิลิปปินส์ และเมียนมาร์


หากมองย้อนกลับไปเมื่อ 3 ปีก่อน ผลประกอบการของ IVL มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยปี

  • 2559 มีกำไรสุทธิ 16,197.10 ล้านบาท หลังจากนั้นปี
  • 2560 มีกำไรสุทธิเติบโตมาอยู่ที่ระดับ 20,882.86  ล้านบาท ไม่เพียงเท่านี้ ปี
  • 2561 กำไรสุทธิยังเติบโตต่อเนื่องมาอยู่ที่ 26,465.40 ล้านบาท และ
  • ล่าสุดงวดไตรมาส 1/2562 มีกำไรสุทธิแล้วจำนวน 3,707.72 ล้านบาท

               

 

โบรกเกอร์ ชู เด่นสุดเดือน ก.ค.


นักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จำกัด ได้เลือก IVL เป็น top pick ในเดือนก.ค. หลังผลการหารือระหว่างทรัมป์ และสีจิ้น ผิงใน การประชุมนอกรอบ G20 ช่วงปลายเดือนมิ.ย. เป็นไปในเชิงบวก โดยสหรัฐฯ ยัง ไม่ขึ้นภาษีสินค้าจีนเพิ่ม ซึ่งจะช่วยบรรเทาความกังวลของภาคธุรกิจและหนุนปริมาณความต้องการของผลิตภัณฑ์ปิ โตรเคมีให้ฟื้นตัวขึ้นได้

 


เป็นหุ้นที่นักวิเคราะห์ชอบมากสุด


โดยมองว่า กำไรสุทธิของ IVLและกลุ่มปิ โตรเคมี จะเพิ่มขึ้นในช่วงที่เหลือของปี ซึ่ง IVL เป็นหุ้นที่ค่อนข้างปลอดภัย จากมาตรการขึ้นภาษีตอบโต้กันระหว่างจีนและสหรัฐฯ เพราะว่า บริษัทใช้กลยุทธ์ระยะยาวในการกระจายธุรกิจเข้าไปเป็นผู้ประกอบการท้องถิ่นในตลาดที่สำคัญ โดยปัจจุบัน PBV ปี 2562 ที่ระดับ 1.6 เท่าหรือ -0.5 SD ซึ่งถือว่าไม่แพง และเป็นหุ้นที่นักวิเคราะห์ของบริษัท “ชอบมากที่สุด” ในกลุ่มปิโตรเคมี ซึ่งนอกจากการเก็งกำไร จึงเหมาะกับการ “ซื้อสะสม” ด้วย โดย IVL จึงเป็นหุ้นแนะนำประจำไตรมาส 3/2562 ของฝ่ายวิจัย

ขณะที่ผลประกอบการของ IVL ในปี 2562 ประเมินว่า IVL จะรายงานผลกำไรอยู่ที่ระดับ 26,874 ล้านบาท เติบโตจากปี 2561 ที่อยู่ระดับ 26,465 ล้านบาท และคาดว่าปี 2563 จะรายงานผลกำไรเติบโตโดดเด่นที่ระดับ 30,581 ล้านบาท โดยคาดว่าอุปสงค์ผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี จะฟื้นตัวหลังการหารือระหว่างจีนและสหรฐัฯ เป็นไปด้วยดี


ทั้งนี้ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน กลุ่มปิโตรเคมีปรับตัวลงกว่า 9.9% เทียบกับดัชนี SET ที่ปรับตัวขึ้นไปแล้ว 10.6% (ตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน) หลังผลประกอบการไตรมาส 1/2562 อ่อนแอ ดังนั้นผลการหารือระหว่างผู้นำจีนและสหรัฐฯ ที่ออกมาในเชิงบวก จะช่วยบรรเทาความกังวลของภาคธุรกิจและหนุนให้ปริมาณความต้องการผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีฟื้นตัวกลับขึ้นมาได้อีกครั้ง สอดคล้องกับมุมมองนักวิเคราะห์ ที่เห็นว่าผลประกอบการของบริษัทได้ผ่านจุดตํ่าสุดไปแล้วเมื่อไตรมาส 1/2562 และจะเห็นการเติบโตในทิศทางที่ดีในช่วงที่เหลือของปี

 


ปลอดภัยสุดในกลุ่มปิโตเคมี ผลบวกมีโรงงานทั่วโลก

 
แม้ว่ามาตรการเก็บภาษีจะยังคงอยู่ แต่ IVL ยังอยู่ในสถานะที่ปลอดภัย เนื่องจาก บริษัทมีโรงงานกระจายอยู่ทั่วโลก ซึ่ง IVL มีฐานการผลิตในตลาดหลัก 3 ตลาด คือ เอเชีย ยุโรป/ตะวันออกกลาง/แอฟริกา (EMEA) และอเมริกา โดยเป็นไปตามกลยุทธ์ขององค์กรที่ต้องการก้าวเข้าไปเป็นผู้ประกอบการท้องถิ่นในตลาดที่สำคัญ ซึ่งจัดตั้งโรงงานเพื่อรองรับลูกค้า ที่ส่วนใหญ่เป็นผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคชั้นนำของโลก

IVL ถือเป็นหุ้นที่นักลงทุนให้ความสนใจอย่างมาก โดยมีการเติบโตกระจายอยู่ทั่วโลก พร้อมกับการสร้างการเติบโตด้วยการเข้าซื้อกิจการ นอกจากนี้กูรูยังประเมินอีกว่าได้ผ่านจุดต่ำสุดแล้วในไตรมาสแรก ซึ่งช่วงที่เหลือจะเป็นช่วงของการเติบโตของธุรกิจด้วย จึงน่าจับตาว่าผลประกอบการจะออกมาเป็นอย่างไร”