บจ. ในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ รายงานผลการดำเนินงานปี 2561 มียอดขายรวม 174,363 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.64% จากปีก่อน กำไรสุทธิรวม 5,131 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.09% ทุกกลุ่มอุตสาหกรรมมียอดขายเติบโต โดย 4 กลุ่มอุตสาหกรรมมีกำไรสุทธิเติบโตด้วย ได้แก่ กลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร กลุ่มทรัพยากร กลุ่มบริการ และกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค ตามลำดับ
นายประพันธ์ เจริญประวัติ ผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) เปิดเผยว่า บริษัทจดทะเบียน (บจ.) ใน mai จำนวน 149 บริษัท คิดเป็น 93% จากทั้งหมด 161 บริษัท (ไม่รวมบริษัทในกลุ่มที่เข้าข่ายอาจถูกเพิกถอน หรือ NC บริษัทที่ปิดงบไม่ตรงงวดและบริษัทที่นำส่งงบไม่ทันตามกำหนด) นำส่งผลการดำเนินงานงวดปี สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2561 โดยมียอดขายรวม 174,363 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.64% จากปีก่อนหน้า ต้นทุนรวม 136,947 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.07% ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นลดลงจาก 22.43% มาอยู่ที่ 21.46% อย่างไรก็ดี บจ. ยังคงมีความสามารถในการทำกำไรจากการดำเนินงาน (Operating Profit) 7,043 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 51.22% และมีกำไรสุทธิรวม 5,131 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.09% จากปีก่อนหน้า ทั้งนี้พบ บจ.ที่รายงานผลกำไรสุทธิจำนวน 110 บริษัท คิดเป็น 74% ของบริษัทที่นำส่งผลการดำเนินงานทั้งหมด
“ผลการดำเนินงานปี 2561 ทุกกลุ่มอุตสาหกรรมมีการเติบโตของยอดขาย แต่ปัจจัยราคาน้ำมันที่สูงขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ทำให้ต้นทุนสูงขึ้น ส่งผลต่อความสามารถในการทำกำไรของหลายบริษัท โดยเฉพาะบริษัทในกลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม อย่างไรก็ตาม บจ. ยังคงมีกำไรสุทธิรวมเพิ่มขึ้น โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีการเติบโตของกำไรสุทธิ ได้แก่ กลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร กลุ่มทรัพยากร กลุ่มบริการ และกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค ตามลำดับ
เมื่อพิจารณาฐานะทางการเงิน บจ. mai มีสินทรัพย์รวม 271,524 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.25% จากสิ้นปี 2560 ขณะที่โครงสร้างเงินทุนรวมยังแข็งแรง โดยมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนอยู่ที่ 1.07 เท่า เพิ่มขึ้นจากสิ้นปีที่แล้วที่ 1.01 เท่า” นายประพันธ์กล่าว
ปัจจุบันมี บจ. ใน mai 161 บริษัท (ข้อมูล ณ วันที่ 8 มีนาคม 2562) ดัชนี mai ปิดที่ระดับ 371.20 จุด มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวม (market capitalization) อยู่ที่ 253,267 ล้านบาท มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ย 800 ล้านบาทต่อวัน